ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
123

ขายของออนไลน์ต้องจดทะเบียนตลาดแบบตรงหรือไม่? ระวัง! โดน สคบ. ปรับหลักแสน

หลายคนที่ขายของออนไลน์อาจไม่ทราบว่า นอกจากการจดทะเบียนพาณิชย์ (DBD) แล้ว ยังมีอีกเรื่องสำคัญที่ควรทำคือการจดทะเบียน “การประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง” กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ล่าสุดมีกรณีที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์รายหนึ่งถูกเรียกปรับกว่า 132,000 บาท เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ต่างวิตกกังวลว่าตนเองจะถูกปรับด้วยหรือไม่ โดยพบว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนตลาดแบบตรงเพียงประมาณ 800 รายเท่านั้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด

การตลาดแบบตรงคืออะไร? และทำไมการขายออนไลน์ถือว่าเป็นการตลาดแบบตรง

การตลาดแบบตรง (Direct Marketing) คือ การทำการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านสื่อหรือช่องทางต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ตัวแทนจำหน่าย เน้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการขายตรง (Direct Selling) ที่มักจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่าย (MLM) ที่มีการรับตัวแทนจำหน่ายเพื่อขายสินค้าแบบตัวต่อตัว

ตามกฎหมาย การขายของออนไลน์ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ถือว่าเป็นการทำการตลาดแบบตรง เนื่องจากเป็นการใช้สื่อที่ส่งข้อมูลตรงถึงลูกค้าโดยไม่ผ่านตัวแทนหรือหน้าร้านจริง การขายผ่านเว็บไซต์ Facebook, Instagram, Line, อีเมล, SMS หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ล้วนเข้าข่ายเป็นการตลาดแบบตรงตามกฎหมายทั้งสิ้น

2

ขายออนไลน์แบบไหนที่ต้องจดทะเบียนกับ สคบ.?

ธุรกิจออนไลน์ในลักษณะใดที่จำเป็นต้องจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงกับ สคบ.? มีหลักเกณฑ์ดังนี้:

  1. ใช้สื่อเพื่อขายสินค้าหรือบริการโดยตรงถึงผู้บริโภค – หากธุรกิจของคุณใช้สื่อที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง เช่น เว็บขายของออนไลน์, โซเชียลมีเดีย, อีเมล, โฆษณาออนไลน์ โดยไม่ได้ผ่านหน้าร้านจริง คุณเข้าข่ายต้องจดทะเบียน
  2. ขายสินค้าให้ลูกค้าปลายทาง – ธุรกิจที่ไม่ได้ขายสินค้าให้กับตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้าคนอื่นๆ แต่เน้นการขายของออนไลน์โดยตรงถึงผู้บริโภคหรือลูกค้าปลายทางถือเป็นการตลาดแบบตรง
  3. มียอดขายมากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี – สำหรับบุคคลธรรมดาที่มียอดขายเกินกว่าปีละ 1.8 ล้านบาทจำเป็นต้องจดทะเบียน
  4. เป็นนิติบุคคล – หากคุณจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท แม้ยอดขายจะไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็ต้องจดทะเบียนการตลาดแบบตรง
3

ใครได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนตลาดแบบตรง?

ธุรกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการตลาดแบบตรง ได้แก่:

  1. บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี – หากคุณเป็นบุคคลธรรมดาและมียอดขายไม่เกินจำนวนนี้ คุณไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
  2. วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) – ที่ได้ขึ้นทะเบียนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมาย
  3. วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน – ที่ได้จดทะเบียนการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนอย่างถูกต้อง
  4. สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร – ที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์เรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง

การจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงสามารถทำได้ผ่านระบบออนไลน์ OCPB Direct โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. การลงทะเบียน – ลงทะเบียนในระบบ OCPB Direct ผ่านเว็บไซต์ของ สคบ. เพื่อขอรหัสผู้ใช้งาน ระบบจะยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP ทั้งทาง SMS และอีเมล
  2. การกรอกข้อมูล – กรอกข้อมูลบุคคลหรือนิติบุคคล, ข้อมูลที่ตั้งสำนักงานใหญ่, และข้อมูลผู้ติดต่อให้ครบถ้วน
  3. การยื่นคำขอ – เลือกประเภทธุรกิจตลาดแบบตรง (สำหรับนิติบุคคลสามารถเลือกได้ทั้งขายตรงและตลาดแบบตรง) แล้วกรอกข้อมูลและแนบเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เช่น วิธีการขายสินค้า ประเภทสินค้า
  4. การวางหลักประกัน – เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อย จะแจ้งให้วางหลักประกัน ซึ่งอาจเป็นเงินสดหรือพันธบัตร โดยวงเงินจะแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจและรายได้
  5. การติดตามสถานะ – ติดตามสถานะการดำเนินงานผ่านระบบ รหัสคำขอจะถูกส่งไปทาง SMS และอีเมล
  6. การรายงานประจำปี – หลังจากได้รับการจดทะเบียน ต้องส่งแบบรายงานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจให้นายทะเบียนทราบภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันสิ้นรอบปีภาษีทุกปี
4

บทลงโทษหากไม่จดทะเบียนตลาดแบบตรง

ผู้ประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนไม่จดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงจะมีโทษหนักตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ดังนี้:

  1. โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี – หากพบว่าฝ่าฝืนกฎหมาย
  2. โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท – เป็นค่าปรับพื้นฐาน
  3. หรือทั้งจำทั้งปรับ – ในกรณีที่มีความผิดร้ายแรง
  4. ปรับเพิ่มอีกวันละ 10,000 บาท – จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน ซึ่งสามารถเพิ่มพูนเป็นจำนวนมาก

ที่สำคัญ ทาง สคบ. ไม่ได้มีทีมงานตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง แต่จะดำเนินการแจ้งปรับต่อเจ้าของธุรกิจเมื่อมีผู้เขียนคำร้องเข้ามาให้ตรวจสอบ และผู้แจ้งจะได้ส่วนแบ่งจากค่าปรับถึง 25% ดังนั้น นอกจากจะถูกปรับแล้ว ยังอาจถูกคู่แข่งหรือบุคคลอื่นแจ้งความเพื่อหวังส่วนแบ่งค่าปรับอีกด้วย

สรุป

การขายสินค้าออนไลน์ไม่ว่าจะผ่านช่องทางใด หากเป็นการขายที่ใช้สื่อเพื่อติดต่อโดยตรงกับผู้บริโภค จะถือว่าเป็นการทำการตลาดแบบตรงตามกฎหมาย ซึ่งต้องจดทะเบียนกับ สคบ. ยกเว้นกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือกรณีพิเศษอื่นๆตามที่กฎหมายกำหนด

การจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงไม่ใช่เพียงเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในสายตาผู้บริโภค และป้องกันการถูกปรับค่าเสียหายซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงหลักแสนบาท โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด

หากคุณกำลังดำเนินธุรกิจขายของออนไลน์อยู่ ควรตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณเข้าข่ายต้องจดทะเบียนหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

#ขายของออนไลน์ #ตลาดแบบตรง #จดทะเบียนตลาดแบบตรง #สคบ #กฎหมายออนไลน์ #ธุรกิจออนไลน์ #ecommerce

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า