ในปัจจุบันทางเลือก Social Media ในการทำการตลาดนั้นมีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter และอื่นๆ แต่สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ของตัวเองนั้น ก็ยังมีประโยชน์อยู่เสมอ เพราะจะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของการแก้ไข โปรโมท หรือโฆษณาการทำการตลาด มีหลักการใช้ Website Marketing หรือการตลาดเว็บไซต์ อย่างไรไม่ให้เจ๊ง ไปดูกันดีกว่าครับ ว่าหลักการการทำการตลาดสำหรับเว็บไซต์มีกี่ประเภท และเหมาะสมกับธุรกิจขนาดใดบ้าง
Display Advertising
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม : ขนาดกลาง – ใหญ่
หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นการใช้แบนเนอร์เป็นอนิเมชั่น หรือกราฟิกที่เคลื่อนไหวบนเว็บไซต์ใหญ่ๆ ส่วนมากจะอยู่ด้านบนของเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถซื้อพื้นที่เหล่านั้น เพื่อใช้ในการโฆษณาสินค้า และบริการได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และตรวจสอบ Traffic ที่คนจะเห็นโฆษณาของเรา ว่าจะสามารถการันตียอดเข้าชม และการมองเห็นของเราได้มากน้อยเพียงใด
Search Engine Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม : ขนาดเล็ก – ใหญ่
วิธีนี้จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือบริหารจัดการของระบบ Search Engine เพื่อทำ Marketing ส่ง Product ไปถึงลูกค้า ให้มองเห็นได้มากยิ่งขึ้น และจะต้องมีการจ่ายค่าบริการให้กับ Search Engine ตัวอย่างเช่น Google AdWords ซึ่งเป็นการทำโฆษณากับการระบุ Keyword ที่สนใจ ซึ่งจะทำให้หน้าเว็บไซต์ของเราไปขึ้นเมื่อกลุ่มเป้าหมายพิมพ์ค้นหาคำที่เราคาดการณ์เอาไว้ และมองเห็นเว็บไซต์ของเราติดอยู่ในอันดับต้นๆ
Search Engine Optimization
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม : ทุกขนาด และทุกประเภท
วิธีนี้จะคล้ายคลึงกับวิธีการก่อนหน้านี้ แต่อยู่ในรูปแบบที่ออแกนิกมาก และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่เจ้าของเว็บไซต์จำเป็นจะต้องทำ Content ที่มีคุณภาพ และตรงตามกฎต่างๆ ของ SEO ซึ่งตัวเลขของผู้ชมจะส่งผลถึงการจัดลำดับที่แสดงบนหน้าเว็บ Searching of Concession ด้วย
Social Media Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ทุกขนาด ทุกประเภท
วิธีนี้เป็นวิธีที่มีผู้ใช้กันมากที่สุด เพราะปัจจุบันมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากมายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Twitter ซึ่งมีผู้ใช้งานอยู่ในปัจจุบันหลักหลายล้านคน และยังมีฟังก์ชันในการใช้สินค้าบริการและ Content ที่ตัวเองสนใจได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถซื้อ Ads หรือ Boost ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Email Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ขนาดกลาง – ใหญ่
วิธีนี้อาจจะเคยเห็นกันอยู่ หลังจากที่เราได้สมัครสมาชิกเว็บไซต์ หรือธุรกิจใดๆ ก็จะมีการส่งโปรโมชั่น และอัพเดตต่างๆ มาให้ โดยมักจะเป็น Content สั้นๆ หรือจดหมาย เพื่อสื่อสารกับลูกค้า การเขียนอีเมลก็มีความสำคัญ อีกทั้งยังสามารถแทรกรูปภาพวีดีโอ และลิงค์ต่างๆ เพื่อที่จะไปนำไปสู่การซื้อขายต่อไปได้อีกด้วย
Referral Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ทุกขนาด
สำหรับหัวข้อนี้เราจะต้องใช้กระแสที่สามารถพาไปโดยช่องทางออนไลน์ เช่น การแชร์ และการโพสต์แนะนำสินค้า ว่าสินค้านั้นๆ น่าใช้งาน และมีคุณภาพดีอย่างไรบ้าง ซึ่งจะเกิดการบอกต่อ และได้ผลดี เมื่อคนที่นำไปแนะนำสินค้านั้นๆ และต้องเป็นกลุ่มคนที่มีคนรู้จักมาก หรือเป็นคนที่น่าไว้วางใจในโซเชียล
Affiliate Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ขนาดกลาง – ใหญ่
ส่วนมากจะถูกใช้งานกับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมเยอะอยู่แล้ว แต่เพื่อโอกาสในการขายที่เพิ่มขึ้น และยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ ซึ่งลักษณะนี้จะทำให้ผู้ชมสินค้าที่เห็นแบนเนอร์โฆษณาคลิกเข้ามาซื้อสินค้า หรือบริการได้ทันที โดยเราจะได้ค่า Commission จากกรขายสินค้าเป็นค่าตอบแทน ยิ่งส่งคนไปซื้อสินค้าได้มากเท่าไร เราก็จะได้ค่า Commission ที่สูงขึ้น หรือมีรายได้มากขึ้นตามไปด้วย
Inbound Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ขนาดกลาง – ใหญ่
Inbound Marketing สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับเว็บไซต์ด้วยการสร้าง Content ที่มีความแปลกใหม่ และสดใหม่ ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ได้รับความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากผู้ชม และเลือกเข้ามาชมในเว็บไซต์เป็นอันดับแรกๆ ซึ่งความประทับใจก็จะสามารถนำไปสู่การซื้อขาย และปิดการขายได้ไม่ยาก
Videos Marketing
ขนาดธุรกิจที่เหมาะสม: ทุกขนาด
ในปัจจุบันการใช้ Video Marketing ก็เป็นไปอย่างแพร่หลาย เพราะมีหลากหลายช่องทางที่เราสามารถใช้ Video Marketing ได้ นอกจากนั้นผู้ชมยังสนใจ และถูกดึงดูดด้วย Content ในรูปแบบวีดีโอไปมากกว่าเดิม เพราะมีได้ทั้งรูปภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบ และตัวหนังสือครบทุกองค์ประกอบ ซึ่งการสร้าง Content วีดีโอให้น่าสนใจก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการซื้อขายได้ดี
การทำการตลาดด้วยการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ ไปยังผู้อ่าน ผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งเนื้อหาที่แบรนด์ต้องการสื่อสารไม่ได้มีรูปแบบเพียงแค่บทความ หรือข้อความสั้นๆ เท่านั้น แต่เนื้อหาประเภท รูปภาพ กราฟิก และวิดีโอ ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์เช่นเดียวกัน โดยเนื้อหา หรือรูปแบบที่เลือกใช้ไม่ควรยัดเยียดความรู้สึกว่าจะต้องขายโดยเสมอไป ดังนั้นเพียงลองนำทั้ง 9 หลักการทำ Marketing บนเว็บไซต์ไปลองปรับใช้กัน รับรองว่าไปต่อได้ยาวๆ เลยครับ