
Brand Ambassador กับ Presenter แตกต่างกันอย่างไร? เลือกใช้อย่างไรให้ตรงกับกลยุทธ์การตลาด?
การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นตัวแทนในการสื่อสารการตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่การสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนอาจสับสนระหว่าง Brand Ambassador กับ Presenter ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะอธิบายความแตกต่าง ประเภท บทบาทหน้าที่ และเกณฑ์การเลือกใช้ทั้งสองแบบให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
ความหมายและบทบาทของ Brand Ambassador คืออะไร?
Brand Ambassador คือ บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนและเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ มีบทบาทสำคัญในการโปรโมตสินค้าหรือบริการ กระตุ้นให้เกิดยอดขาย และมีภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ การกระทำและกิจกรรมต่างๆ ของ Brand Ambassador ย่อมส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย พวกเขามีหน้าที่นำเสนอคุณค่าและอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้ผู้บริโภคได้รับรู้อย่างถูกต้องตรงตามเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร
ความสัมพันธ์ระหว่าง Brand Ambassador กับแบรนด์มักจะเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวและมีความใกล้ชิด เพราะพวกเขาต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักผ่านตัวตนของพวกเขาด้วย จากสถิติการตลาดพบว่า 76% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเชื่อในเนื้อหาที่นำเสนอโดย “คน” มากกว่า “แบรนด์” ทำให้ Brand Ambassador มีบทบาทสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและบริการ

ประเภทของ Brand Ambassador มีอะไรบ้าง?
ในโลกของการตลาด Brand Ambassador สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Niche Authority Brand Ambassador)
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคือบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญในสาขาใดสาขาหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ทำให้สามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการได้อย่างน่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจผู้บริโภคได้ดี ตัวอย่างเช่น แบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬาอาจเลือกนักกีฬาที่มีชื่อเสียงมาเป็น Brand Ambassador หรือแบรนด์อาหารอาจเลือกเชฟที่มีชื่อเสียงและกำลังเป็นที่นิยมในช่วงเวลานั้น
ความเชี่ยวชาญของพวกเขาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและทำให้คำแนะนำหรือการรีวิวมีน้ำหนักมากกว่าการโฆษณาทั่วไป ผู้บริโภคมักจะมองว่าคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมีความน่าเชื่อถือและเป็นความจริงมากกว่า
2. ลูกค้าที่เคยสนับสนุนแบรนด์ (Peer Advocate Ambassadors)
กลุ่มนี้คือลูกค้าที่เคยใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์มาก่อน และประทับใจในคุณภาพจนอยากบอกต่อให้คนรอบข้างได้รับประสบการณ์ที่ดีเช่นเดียวกัน การโฆษณารูปแบบนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการบอกต่อจากประสบการณ์จริง
สถิติทางการตลาดยืนยันว่า 83% ของผู้บริโภคกล่าวว่าการบอกต่อแบบปากต่อปากมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของพวกเขา ทำให้การใช้ลูกค้าจริงมาเป็น Brand Ambassador มีประสิทธิภาพสูงในการสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า
3. ผู้มีอิทธิพลในสื่อต่างๆ (Influencer Ambassadors)
บุคคลที่มีอิทธิพลในสื่อสังคมออนไลน์มักมีฐานผู้ติดตามหรือแฟนคลับจำนวนมากอยู่แล้ว ทำให้สามารถสร้างแรงดึงดูดและโน้มน้าวใจผู้ติดตามให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์และจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างอินฟลูเอนเซอร์กับผู้ติดตามทำให้คำแนะนำของพวกเขามีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อ
ข้อมูลการตลาดพบว่า 89% ของนักการตลาดเห็นว่าการใช้ Influencer Marketing มีประสิทธิภาพโดดเด่นกว่าการโฆษณาด้วยวิธีอื่น เพราะมีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงมากกว่า
4. นักเรียนหรือนักศึกษา (Student Brand Ambassador)
นักเรียนหรือนักศึกษาสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวัยเดียวกันได้ดี เพราะมีความสนใจและรสนิยมที่คล้ายคลึงกัน ทำให้เข้าใจความต้องการของกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ นักเรียนหรือนักศึกษายังมีความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตคอนเทนต์ที่น่าสนใจและดึงดูดคนรุ่นเดียวกัน
แบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่จะได้ประโยชน์มากจากการใช้ Student Brand Ambassador เพราะช่วยให้แบรนด์ดูร่วมสมัยและเข้าถึงง่ายสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
5. ตัวแทนที่ไม่เป็นทางการ (Informal Ambassador)
กลุ่มนี้คือบุคคลที่แบรนด์ไม่ได้เคร่งครัดหรือเจาะจงในการสร้างภาพลักษณ์เหมือนกลุ่มอื่น แต่เน้นการขายสินค้าผ่านการรีวิวและแชร์ให้เพื่อนหรือผู้ติดตามผ่านช่องทางของตัวเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือโปรแกรม Referral หรือ Affiliate บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ
รูปแบบนี้มีประสิทธิภาพเพราะมีความเป็นธรรมชาติและไม่ดูเหมือนการโฆษณาทั่วไป ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ากำลังได้รับคำแนะนำที่จริงใจจากคนที่พวกเขาเชื่อถือ
6. พนักงานในองค์กร (Employee Brand Ambassador)
การใช้พนักงานในองค์กร โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ เป็น Brand Ambassador กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และทำให้การสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเป็นไปอย่างถูกต้องตรงประเด็นมากที่สุด
พนักงานเข้าใจคุณค่าและวิสัยทัศน์ของแบรนด์เป็นอย่างดี ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้งและจริงใจ ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น

Presenter คืออะไร และมีบทบาทหน้าที่อย่างไร?
Presenter คือบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการนำเสนอสินค้าหรือบริการของแบรนด์ โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นยอดขาย Presenter จะปรากฏตัวอยู่บนสื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อทำให้สินค้าหรือบริการดูน่าสนใจและน่าจดจำมากขึ้น
แบรนด์มักเลือกนักแสดงหรือศิลปินที่มีชื่อเสียงมาเป็น Presenter เนื่องจากพวกเขามีความสามารถในการดึงดูดความสนใจและสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ความดังของ Presenter ยังช่วยให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภคอีกด้วย
บทบาทหลักของ Presenter มีดังนี้:
- เป็นตัวแทนในการนำเสนอสินค้าหรือบริการบนสื่อโฆษณาทุกรูปแบบ เช่น โทรทัศน์ ป้ายโฆษณา และสื่อสังคมออนไลน์
- สร้างการรับรู้และนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
- มีความรู้ความเข้าใจในสินค้าหรือบริการเพื่อโน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความต้องการและรู้สึกว่าจำเป็นต้องซื้อหรือใช้บริการ
จากข้อมูลทางการตลาด การเลือก Presenter ที่กำลังโด่งดังและเป็นกระแสในช่วงเวลาที่จะโปรโมตแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้การสร้างการรับรู้ของแบรนด์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วงระยะเวลานั้นๆ
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Brand Ambassador และ Presenter
เมื่อเข้าใจความหมายและบทบาทของทั้ง Brand Ambassador และ Presenter แล้ว มาดูความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองบทบาทเพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจ:
1. ความสัมพันธ์กับแบรนด์
Brand Ambassador มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแบรนด์มากกว่า Presenter เพราะได้รับหน้าที่เป็นตัวแทนในการแสดงออกและทำกิจกรรมต่างๆ ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างเต็มที่ ในขณะที่ Presenter มักจะมีความสัมพันธ์กับแบรนด์ในลักษณะของการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทในการเป็นตัวแทนของแบรนด์ในทุกๆ มิติ
2. ลักษณะการทำงาน
Presenter เน้นการนำเสนอสินค้าหรือบริการเพื่อกระตุ้นยอดขายผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ แต่มักจำกัดการโปรโมตเฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นวงแคบ เช่น โปรโมตเฉพาะในประเทศใดประเทศหนึ่ง ในขณะที่ Brand Ambassador นำเสนอสินค้าหรือบริการควบคู่ไปกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์บนสื่อทุกรูปแบบในวงกว้าง ในบางกรณีอาจมีการเป็น Global Brand Ambassador ที่ต้องโปรโมตแบรนด์บนสื่อทั่วโลกด้วย
3. ระยะเวลา
Brand Ambassador มักจะมีสัญญาระยะยาวและต่อเนื่องมากกว่า Presenter ซึ่งมักมีสัญญาระยะสั้นเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบางรายการของแบรนด์เท่านั้น นอกจากนี้ แบรนด์ยังมักปรับเปลี่ยน Presenter ตามกระแสความนิยมในช่วงเวลานั้นๆ แต่ Brand Ambassador จะมีความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาวมากกว่า
4. ค่าตอบแทน
Brand Ambassador มักได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่า Presenter เนื่องจากต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์เป็นระยะเวลานาน และมีบทบาทในการผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักผ่านตัวตนของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ Presenter มักได้รับค่าตอบแทนตามระยะเวลาของแคมเปญหรือโปรเจกต์ที่ทำการโปรโมต

เคล็ดลับการเลือกใช้ Brand Ambassador ให้เหมาะกับธุรกิจ
การเลือก Brand Ambassador ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการสื่อสารทางการตลาด ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการเลือก Brand Ambassador:
1. พิจารณาบุคลิกภาพที่สอดคล้องกับแบรนด์
Brand Ambassador ควรมีบุคลิกภาพที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือ หากบุคลิกภาพของ Brand Ambassador และแบรนด์ไม่สอดคล้องกัน อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนหรือไม่เชื่อถือในข้อความที่สื่อสารออกไป
2. คำนึงถึงฐานผู้ติดตามและกลุ่มเป้าหมาย
Brand Ambassador ควรมีฐานผู้ติดตามหรือแฟนคลับที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เพื่อให้การสื่อสารทางการตลาดเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ลักษณะประชากรของผู้ติดตาม Brand Ambassador จะช่วยให้แบรนด์ตัดสินใจได้ว่าบุคคลนั้นเหมาะสมกับแบรนด์หรือไม่
3. ประวัติและภาพลักษณ์ที่ดี
Brand Ambassador ต้องไม่เคยมีประวัติในแง่ลบที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ เนื่องจากพฤติกรรมของ Brand Ambassador จะสะท้อนถึงแบรนด์ด้วย หากเลือกบุคคลที่มีประวัติไม่ดีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้แบรนด์ได้รับผลกระทบในทางลบได้
4. ความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือ
หากเป็นไปได้ ควรเลือก Brand Ambassador ที่มีความเชี่ยวชาญหรือความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ Brand Ambassador ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากกว่าคนที่ไม่มีความรู้ในด้านนั้นๆ
5. ความสม่ำเสมอในการนำเสนอ
Brand Ambassador ควรมีความสม่ำเสมอในการนำเสนอและสื่อสารเกี่ยวกับแบรนด์ การโพสต์หรือพูดถึงแบรนด์เป็นครั้งคราวอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ความสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้บริโภคเชื่อมโยง Brand Ambassador กับแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

กลยุทธ์การใช้ Presenter ให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดี
การใช้ Presenter ในการโปรโมตสินค้าหรือบริการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้การใช้ Presenter มีประสิทธิภาพมากขึ้น:
1. เลือก Presenter ที่เป็นกระแสในช่วงเวลานั้น
การเลือก Presenter ที่กำลังโด่งดังและเป็นกระแสในช่วงเวลาที่จะทำการโปรโมตแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้แบรนด์ได้รับความสนใจและการรับรู้อย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคมักให้ความสนใจกับบุคคลที่กำลังเป็นที่พูดถึงในสังคม การใช้ Presenter ที่เป็นกระแสจึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
2. สร้างความสอดคล้องระหว่าง Presenter กับบุคลิกของแบรนด์
Presenter ควรมีบุคลิกหรือตัวตนที่สะท้อนถึงบุคลิกของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำและเชื่อมโยงภาพของแบรนด์กับ Presenter ได้ง่าย การสร้างความสอดคล้องนี้จะทำให้การโปรโมตแบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผู้บริโภคจะรู้สึกว่า Presenter และแบรนด์มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
3. คำนึงถึงฐานแฟนคลับและอิทธิพลในสังคม
การเลือก Presenter ที่มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งและทรงพลังจะช่วยให้แบรนด์ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มแฟนคลับเหล่านั้นด้วย เมื่อ Presenter โปรโมตแบรนด์ แฟนคลับจะช่วยกระจายการรับรู้แบรนด์ต่อไปในวงกว้าง ทำให้แบรนด์ได้รับ Earned Media ซึ่งเป็นการบอกต่อแบบปากต่อปากที่มีประสิทธิภาพสูง
4. วางแผนการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
การวางแผนทำการตลาดร่วมกับ Presenter ควรมีความต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงการโพสต์หรือโฆษณาครั้งเดียวแล้วจบ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อนานขึ้น การทำการตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยตอกย้ำข้อความและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้อยู่ในใจผู้บริโภคได้นานขึ้น
5. ออกแบบแคมเปญที่โดดเด่นและน่าสนใจ
นอกจากการเลือก Presenter ที่เหมาะสมแล้ว การออกแบบแคมเปญที่โดดเด่นและน่าสนใจก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แคมเปญที่สร้างสรรค์และแตกต่างจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและทำให้พวกเขาจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น Presenter จะมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอแคมเปญเหล่านี้ให้น่าสนใจมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Brand Ambassador และ Presenter
1. ทำไมการเลือก Brand Ambassador จากคนในองค์กรถึงเป็นทางเลือกที่ดี?
การเลือกคนในองค์กร โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ มาเป็น Brand Ambassador มีข้อดีหลายประการ เช่น ความน่าเชื่อถือสูง มีความเชี่ยวชาญและรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ทำให้สามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น นอกจากนี้ ยังทำให้แบรนด์ดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น สร้างความใกล้ชิดและความไว้วางใจจากผู้บริโภคได้ดีกว่า
2. จะเลือก Brand Ambassador อย่างไรให้เหมาะกับองค์กร?
การเลือก Brand Ambassador ที่เหมาะสมควรเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายในการโปรโมตแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงเลือก Brand Ambassador ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกับแบรนด์และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาชื่อเสียงและการยอมรับในสังคมของ Brand Ambassador ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้
3. Brand Ambassador กับ Presenter แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจมากกว่ากัน?
ไม่สามารถระบุได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการโปรโมตของแบรนด์ หากแบรนด์ต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น อาจเลือกใช้ Presenter ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่หากต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ การใช้ Brand Ambassador อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ดังนั้น แบรนด์ควรพิจารณาเป้าหมายทางการตลาดให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกใช้
สรุป
การเลือกใช้ Brand Ambassador หรือ Presenter เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการรับรู้ ความน่าเชื่อถือ และกระตุ้นยอดขายให้กับแบรนด์ แต่ทั้งสองบทบาทมีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งในแง่ของความสัมพันธ์กับแบรนด์ ลักษณะการทำงาน ระยะเวลา และค่าตอบแทน
Brand Ambassador มักมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแบรนด์มากกว่า มีสัญญาระยะยาว และมีบทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในวงกว้าง ในขณะที่ Presenter มักมีบทบาทหลักในการนำเสนอสินค้าหรือบริการเพื่อกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น
การตัดสินใจว่าจะใช้ Brand Ambassador หรือ Presenter ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการตลาดของแบรนด์ หากต้องการสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายในระยะสั้น Presenter อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ Brand Ambassador อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
ไม่ว่าจะเลือกใช้แบบใด สิ่งสำคัญคือการเลือกบุคคลที่มีบุคลิกภาพสอดคล้องกับแบรนด์ มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมาย และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้การสื่อสารทางการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
#Brand Ambassador #Presenter #กลยุทธ์การตลาด #Digital Marketing #Influencer Marketing #แบรนด์แอมบาสเดอร์ #พรีเซนเตอร์ #การตลาดออนไลน์ #การสร้างแบรนด์ #กลุ่มเป้าหมาย