ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
10

รับมือให้ทัน! นโยบายใหม่ Facebook Live 30 วันและกลยุทธ์การปรับตัวสำหรับนักการตลาดดิจิทัล

ประกาศสำคัญจาก Meta ที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้งาน Facebook Live ทั่วโลก! ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา Meta ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการเก็บรักษาวิดีโอถ่ายทอดสด โดยวิดีโอ Facebook Live จะถูกเก็บไว้บนแพลตฟอร์มเพียง 30 วันเท่านั้น หลังจากนั้นจะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความกังวลให้กับผู้สร้างคอนเทนต์และนักการตลาดที่ใช้ Facebook Live เป็นช่องทางหลักในการทำ Content Marketing บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจนโยบายใหม่นี้ และแนะนำวิธีรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ

2

เข้าใจนโยบายใหม่ Facebook Live

นโยบายใหม่ของ Facebook Live มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 โดยมีใจความสำคัญดังนี้:

นโยบายสำหรับวิดีโอไลฟ์ใหม่

วิดีโอถ่ายทอดสดทั้งหมดที่สร้างขึ้นหลังจากวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 จะสามารถเล่นซ้ำ ดาวน์โหลด หรือแชร์ได้เพียง 30 วันเท่านั้น หลังจากนั้นวิดีโอจะถูกลบออกจากระบบโดยอัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากนโยบายเดิมที่เก็บวิดีโอไว้อย่างไม่มีกำหนด

นโยบายสำหรับวิดีโอไลฟ์เก่า

สำหรับวิดีโอ Facebook Live ที่มีอายุเกิน 30 วัน จะถูกลบออกจาก Facebook เช่นกัน แต่ Meta จะทยอยลบเป็นระยะๆ ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า พร้อมส่งการแจ้งเตือนผ่านอีเมลและในแอปพลิเคชัน โดยจะให้เวลา 90 วันในการดาวน์โหลดหรือจัดการกับวิดีโอเหล่านั้น

เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง

Meta ให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานในอุตสาหกรรม และเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การรับชมวิดีโอไลฟ์ที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด นอกจากนี้ Meta ยังสังเกตว่าผู้ชมส่วนใหญ่จะรับชม Facebook Live ภายในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการเผยแพร่ ทำให้การเก็บวิดีโอไว้นานเกินไปอาจไม่จำเป็น

3

ผลกระทบต่อการทำ Content Marketing

การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักการตลาดและธุรกิจที่ใช้ Facebook Live ในกลยุทธ์ Content Marketing ดังนี้:

1. ความเสี่ยงในการสูญเสียเนื้อหา

หนึ่งในผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือความเสี่ยงในการสูญเสียเนื้อหา โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ไม่ได้วางแผนจัดการเก็บวิดีโอไว้ การสูญเสียเนื้อหาไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการสร้างคุณค่าให้กับผู้ติดตาม แต่ยังเพิ่มภาระในการผลิตคอนเทนต์ใหม่ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการตลาดสูงขึ้น

2. ข้อจำกัดในการนำวิดีโอมาใช้ซ้ำ

ในอดีต วิดีโอจาก Facebook Live สามารถนำมาตัดต่อหรือปรับแต่งเพื่อใช้งานซ้ำในรูปแบบอื่นๆ เช่น คลิปสั้นสำหรับแพลตฟอร์มอื่น หรือใช้เป็นเนื้อหาสำหรับบทความในเว็บไซต์ แต่ด้วยข้อจำกัดใหม่นี้ นักการตลาดอาจเผชิญกับความยุ่งยากในการนำวิดีโอมาใช้ซ้ำ หากไม่ได้จัดการดาวน์โหลดไว้ล่วงหน้า

3. ความจำเป็นในการวางแผนคอนเทนต์ใหม่

นโยบายใหม่ยังบังคับให้นักการตลาดต้องปรับแผนการสร้างคอนเทนต์อย่างจริงจัง การพึ่งพา Facebook Live เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป จำเป็นต้องคิดถึงวิธีการสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น และวางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับข้อจำกัดใหม่นี้

4. โอกาสในการหลากหลายแพลตฟอร์ม

ในขณะที่นโยบายใหม่สร้างข้อจำกัด แต่ก็นำมาซึ่งโอกาสในการขยายการทำคอนเทนต์ไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube, TikTok หรือ Instagram ที่อาจมีนโยบายการเก็บวิดีโอที่เอื้อประโยชน์มากกว่า การกระจายความเสี่ยงโดยไม่พึ่งพาแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งมากเกินไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ

4

กลยุทธ์การรับมือกับนโยบายใหม่

แม้ว่านโยบายใหม่ของ Facebook Live จะสร้างความท้าทาย แต่เราสามารถรับมือและปรับตัวได้ด้วยกลยุทธ์ต่อไปนี้:

1. ดาวน์โหลดวิดีโอทันทีหลังไลฟ์จบ

สร้างนิสัยในการดาวน์โหลดวิดีโอไลฟ์ทันทีหลังจากสิ้นสุดการถ่ายทอดสด อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปจนลืม มีสองวิธีในการดาวน์โหลด:

  • ดาวน์โหลดทีละรายการ: ไปที่แท็บ “วิดีโอ” บนโปรไฟล์หรือเพจ เลือกวิดีโอที่ต้องการ เปิดในมุมมองเต็มหน้าจอ จากนั้นคลิกที่ “…” และเลือก “ดาวน์โหลดวิดีโอ”
  • ดาวน์โหลดพร้อมกันหลายรายการ: ใช้บันทึกกิจกรรมของเพจหรือโปรไฟล์ เลือก “วิดีโอถ่ายทอดสดของคุณ” กำหนดช่วงวันที่ และเลือกดาวน์โหลดวิดีโอที่ต้องการพร้อมกัน

2. ใช้เครื่องมือจัดเก็บข้อมูลออนไลน์

บริการคลาวด์ต่างๆ เช่น Google Drive หรือ Dropbox เป็นตัวเลือกที่ดีในการจัดเก็บไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ ปัจจุบัน Facebook ยังมีฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ถ่ายโอนวิดีโอไปยังบริการคลาวด์เหล่านี้โดยตรงได้อีกด้วย โดยไม่ต้องดาวน์โหลดลงเครื่องก่อน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและพื้นที่จัดเก็บบนอุปกรณ์

3. แปลงไลฟ์ให้เป็น Reels

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือการนำคลิป Facebook Live มาตัดเป็นคลิปสั้นๆ บน Reels ซึ่งจะช่วยให้โมเมนต์สำคัญยังคงอยู่บนโปรไฟล์หรือเพจได้นานกว่า 30 วัน และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย

4. นำคอนเทนต์ไปใช้ซ้ำบนแพลตฟอร์มอื่น

เพื่อเพิ่มอายุและคุณค่าของคอนเทนต์ แนะนำให้นำวิดีโอไลฟ์ไปตัดต่อและเผยแพร่บนช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น YouTube ที่เก็บวิดีโอไว้นานกว่า, TikTok หรือแม้แต่อัพโหลดลงบนเว็บไซต์ของคุณเอง การกระจายคอนเทนต์ไปยังหลายแพลตฟอร์มยังช่วยเพิ่มการเข้าถึงและสร้างโอกาสในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

5. ขอขยายระยะเวลาการลบ

Meta ได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถส่งคำขอเลื่อนกำหนดการลบวิดีโอออกไป สูงสุดถึง 6 เดือน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเวลาเพิ่มในการจัดการกับวิดีโอจำนวนมาก หรือกำลังวางแผนสำหรับการนำคอนเทนต์ไปใช้ในอนาคต

5

วางแผนกลยุทธ์คอนเทนต์ใหม่ในยุคข้อจำกัด

นโยบายใหม่ของ Facebook Live ไม่ได้เป็นเพียงความท้าทาย แต่ยังเป็นโอกาสในการทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อไปนี้คือแนวทางการวางแผนกลยุทธ์คอนเทนต์ในยุคที่มีข้อจำกัด:

1. สร้างระบบจัดการคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ

พัฒนาระบบและกระบวนการในการจัดการคอนเทนต์อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผน การผลิต ไปจนถึงการจัดเก็บและการนำกลับมาใช้ใหม่ การมีระบบที่ชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเนื้อหาที่มีคุณค่า

2. ผสมผสานรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลาย

ไม่ควรพึ่งพา Facebook Live เพียงอย่างเดียว แต่ควรผสมผสานรูปแบบคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น บทความ, พอดแคสต์, อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอสั้น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง

3. สร้างคลังข้อมูลส่วนตัว

ลงทุนในการสร้างคลังข้อมูลส่วนตัวสำหรับจัดเก็บคอนเทนต์ทั้งหมดของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว การมีคลังข้อมูลที่เป็นระบบจะช่วยให้สามารถนำคอนเทนต์กลับมาใช้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4. มองหาแพลตฟอร์มทางเลือก

เริ่มสำรวจและทดลองใช้แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิ่งอื่นๆ เช่น YouTube Live, TikTok Live หรือ Instagram Live เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น แต่ละแพลตฟอร์มมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเข้าใจและใช้ประโยชน์จากความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง

สรุป: ความท้าทายคือโอกาสในการพัฒนา

นโยบายใหม่ของ Facebook Live ที่จำกัดการเก็บวิดีโอไว้เพียง 30 วันอาจสร้างความท้าทายให้กับนักการตลาดดิจิทัล แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ Content Marketing ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้วยการวางแผนที่ดี การจัดการเนื้อหาอย่างมีประสิทธิภาพ และการกระจายความเสี่ยงไปยังหลายแพลตฟอร์ม จะช่วยให้ธุรกิจยังคงสามารถใช้ประโยชน์จากการไลฟ์สตรีมได้อย่างเต็มที่

โลกของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผู้ที่ปรับตัวได้เร็วและมองเห็นโอกาสในทุกความท้าทายจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการแข่งขัน สุดท้ายแล้วไม่ว่า Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างไร หัวใจสำคัญยังคงอยู่ที่การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

FacebookLive #นโยบายใหม่ #ContentMarketing #MarketingDigital #ถ่ายทอดสด #SocialMediaMarketing #กลยุทธ์การตลาด #ไลฟ์สด #FacebookMarketing #สตรีมมิ่ง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า