ระบบชำระเงินออนไลน์ใดเหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด?

องค์ประกอบสำคัญที่สุดในธุรกิจ E-commerce คงจะขาดระบบชำระเงินไปไม่ได้ ในปัจจุบันมีช่องทางการชำระเงินออนไลน์หลากหลายให้เลือกใช้ เจ้าของธุรกิจจึงต้องเลือกสรรช่องทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสร้างความสะดวกสบายให้กับร้านค้าของตัวเองมากที่สุด บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงระบบชำระเงินออนไลน์ที่เหมาะกับธุรกิจในยุคดิจิทัล

ทำไมระบบชำระเงินออนไลน์จึงสำคัญกับธุรกิจ E-commerce?

ระบบชำระเงินออนไลน์นับเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจออนไลน์ เพราะส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้า หากระบบชำระเงินมีความยุ่งยาก ซับซ้อน หรือไม่น่าเชื่อถือ ลูกค้าอาจตัดสินใจยกเลิกการซื้อสินค้ากลางคัน ส่งผลให้เกิดอัตราการทิ้งตะกร้าสินค้า (Cart Abandonment Rate) สูงขึ้น และสูญเสียโอกาสในการขาย

ระบบการชำระเงินที่ดีต้องง่ายต่อการใช้งาน มีความปลอดภัยสูง และมีหลายช่องทางให้ลูกค้าเลือกตามความสะดวก นอกจากนี้ ระบบชำระเงินออนไลน์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถรับเงินได้รวดเร็ว ตรวจสอบยอดขายได้ง่าย และขยายกลุ่มลูกค้าไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย

ระบบชำระเงินออนไลน์มีประเภทใดบ้าง?

ในปัจจุบัน ระบบชำระเงินออนไลน์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

1. การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารโดยตรง – เป็นวิธีดั้งเดิมที่ยังคงได้รับความนิยม ลูกค้าสามารถโอนเงินผ่านแอปธนาคาร หรือตู้ ATM แล้วส่งหลักฐานการโอนเงินให้ร้านค้า
2. การชำระเงินผ่าน QR Code / PromptPay – รูปแบบการชำระเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพียงสแกน QR Code ด้วยแอปพลิเคชันธนาคาร
3. การชำระผ่าน Payment Gateway – แบ่งเป็น Payment Gateway ของธนาคาร (Bank) และ ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ซึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างร้านค้าออนไลน์กับธนาคาร

QR Payment: ช่องทางชำระเงินยอดนิยมของคนไทย

การชำระเงินที่คนไทยนิยมกันมากที่สุดในปัจจุบันคือการชำระเงินผ่าน QR Code ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุในยุคนี้ก็ต้องมีสมาร์ทโฟนไว้สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน การยกมือถือ เปิดแอปฯธนาคารเพื่อสแกน QR Code จึงเป็นเรื่องง่ายมากในการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ

จากสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงสิ้นปี 2566 พบว่า จำนวนคนลงทะเบียนพร้อมเพย์มีมากกว่า 77.2 ล้านหมายเลขและมีการทำรายการโดยเฉลี่ยวันละ 54.5 ล้านรายการ แสดงให้เห็นถึงความนิยมอย่างมากในการใช้ QR Code เพื่อชำระเงิน

ข้อดีของการชำระเงินด้วย QR PromptPay

• ชำระเงินได้รวดเร็ว เพียงมีสมาร์ทโฟนและแอปธนาคาร ก็สแกน QR Code ชำระเงินได้ทันที
• สะดวกกว่าการโอนธรรมดา เพราะระบบจะแสดงจำนวนเงินที่ต้องชำระไว้ให้อัตโนมัติ
• มีความปลอดภัยสูง เพราะข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการปกป้องในระบบอย่างดี
• สามารถชำระเงินได้ผ่านทุกธนาคารที่รองรับระบบ PromptPay

Payment Gateway Bank: ระบบชำระเงินจากธนาคารโดยตรง

Payment Gateway Bank คือระบบที่เชื่อมต่อกับธนาคารโดยตรง เพื่อรองรับการชำระเงินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ข้อดีของระบบนี้คือมีความน่าเชื่อถือสูง เพราะดำเนินการโดยธนาคารที่มีชื่อเสียง แต่มักมีข้อจำกัดเรื่องค่าธรรมเนียมและเงินฝากค้ำประกันที่ค่อนข้างสูง

ตัวอย่างคุณสมบัติของ Payment Gateway ธนาคาร

• รองรับการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้ง Thai QR, บัตรเครดิต/เดบิต VISA, MasterCard, JCB และ UnionPay
• มีฟังก์ชันแปลงสกุลเงินได้อัตโนมัติ รองรับหลายสกุลเงินทั่วโลก
• มีระบบผ่อนชำระ สำหรับการแบ่งจ่ายสูงสุดถึง 36 เดือน
• ค่าธรรมเนียมการใช้บริการมักอยู่ที่ 3-5% ของรายการชำระ
• ต้องมีเงินฝากค้ำประกันขั้นต่ำหลักแสนบาท หรือจดทะเบียนเงินฝากเป็นหลักประกันจำนวนเงิน 1% ของยอดขายต่อเดือน

Payment Gateway Non-Bank: ทางเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Payment Gateway Non-Bank คือผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ช่วยให้ธุรกรรมออนไลน์ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสะดวกสบาย โดยผู้ขายจะต้องลงทะเบียนเปิดใช้บริการกับผู้ให้บริการก่อน

ลักษณะสำคัญของ Payment Gateway Non-Bank ชั้นนำ

1. Xendit (อดีต GB Prime Pay)

• รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต Visa, MasterCard, JCB และอเมริกันเอ็กเพรส
• สร้าง QR prompt pay และ QR VISA เพื่อชำระเงินได้ทันที
• รองรับการผ่อนชำระ 0%

1. PayPal

• รองรับการชำระเงินออนไลน์ในหลายสกุลเงิน (มากกว่า 28 สกุลเงินทั่วโลก)
• มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก
• มีระบบประมวลผลรวดเร็ว ปลอดภัย และมีระบบป้องกันการฉ้อโกง
• รองรับการชำระเงินจากบัตรเครดิต และบัตรเดบิต Visa, Mastercard, AMEX, Discover และ UnionPay
• มีระบบแปลงสกุลเงินอัตโนมัติ สำหรับการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ

1. 2C2P

• เป็นระบบชำระเงินออนไลน์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
• รองรับการชำระด้วยบัตรเครดิต/เดบิต Visa, MasterCard, JCB, และ UnionPay
• รองรับการชำระเงินออนไลน์ผ่าน QR Payment, E-Wallet และ Mobile Banking
• มีระบบผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต

1. Pay Solution

• รองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต/เดบิต Visa, MasterCard, JCB และ Union Pay
• รองรับการชำระเงินผ่าน QR Payment และ Internet Banking หลายธนาคารในไทย
• มีระบบผ่อนชำระ 0% สำหรับคำสั่งซื้อที่มียอด 3,000 บาทขึ้นไป
• มีฟีเจอร์จดจำข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ต้องกรอกข้อมูลซ้ำเมื่อชำระเงินครั้งต่อไป

1. OPN Payment (อดีต Omise)

• ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้สะดวกและรวดเร็ว
• รองรับช่องทางชำระเงินทั้งบัตรเครดิต พร้อมเพย์ Mobile Banking และ E-Wallet
• มีระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล PCI DSS 4.0
• สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเริ่มต้น SME หรือองค์กรขนาดใหญ่

ปัจจัยสำคัญในการเลือกระบบชำระเงินออนไลน์

การเลือกระบบชำระเงินออนไลน์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

1. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย – พิจารณาว่าลูกค้าของคุณชื่นชอบการชำระเงินในรูปแบบใด หากมีลูกค้าต่างประเทศ ควรเลือกระบบที่รองรับการชำระเงินหลายสกุลเงิน
2. ค่าธรรมเนียม – เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละระบบ ทั้งค่าธรรมเนียมรายการ ค่าธรรมเนียมรายเดือน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ
3. ความปลอดภัย – ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของระบบ เช่น การเข้ารหัส SSL, การได้รับมาตรฐาน PCI DSS
4. การรองรับอุปกรณ์มือถือ – เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ช้อปปิ้งผ่านมือถือ ระบบชำระเงินควรรองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์มือถือได้อย่างสมบูรณ์
5. การผสานกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์ – พิจารณาว่าระบบชำระเงินสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเว็บไซต์ของคุณได้ดีเพียงใด
6. ฟังก์ชันเพิ่มเติม – เช่น ระบบผ่อนชำระ, การจดจำข้อมูลบัตร, รายงานการขาย ฯลฯ
7. การสนับสนุนลูกค้า – ตรวจสอบการให้บริการช่วยเหลือลูกค้า หากเกิดปัญหาในการชำระเงิน

เทรนด์การชำระเงินออนไลน์ในอนาคต

เทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรามาดูเทรนด์ที่น่าจับตามองในอนาคต:

1. การชำระเงินผ่าน Digital Wallet – แนวโน้มการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น TrueMoney, Rabbit LINE Pay
2. การชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล – ในอนาคต อาจมีการรองรับการชำระเงินด้วย Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางมากขึ้น
3. การชำระเงินผ่านเทคโนโลยีไร้การสัมผัส – เช่น การชำระเงินผ่าน NFC, การชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้า
4. การรวมระบบชำระเงินกับระบบอื่นๆ – เช่น การเชื่อมโยงกับระบบสมาชิก, โปรแกรมสะสมแต้ม หรือระบบส่งเสริมการขาย

สรุป: เลือกระบบชำระเงินออนไลน์ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

การเลือกระบบชำระเงินออนไลน์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ ควรพิจารณาเลือกระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า มีความปลอดภัยสูง ใช้งานง่าย และมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสมกับขนาดธุรกิจของคุณ

อย่าลืมว่าการมีหลายช่องทางชำระเงินให้ลูกค้าเลือกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น เพราะลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการและความคุ้นเคยกับวิธีการชำระเงินที่แตกต่างกัน หากธุรกิจของคุณสามารถรองรับความต้องการเหล่านี้ได้ครบถ้วน ก็จะสามารถสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีให้กับลูกค้า และนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว

#ชำระเงินออนไลน์ #PaymentGateway #QRPayment #ธุรกิจออนไลน์ #ecommerce #ระบบชำระเงิน #การเงินออนไลน์ #PromptPay