
การวิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย Google Analytics ช่วยยกระดับธุรกิจของคุณได้อย่างไร?
การมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคดิจิทัล แต่การรู้ว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์ของคุณเป็นใคร มาจากช่องทางไหน และมีพฤติกรรมอย่างไรบนเว็บไซต์ กลับเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า Google Analytics เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
Google Analytics คืออะไร และทำไมจึงสำคัญกับธุรกิจออนไลน์?
Google Analytics คือเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลสถิติของเว็บไซต์ ทำให้คุณทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านประชากรศาสตร์อย่างเพศ อายุ ที่อยู่ รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ อุปกรณ์ที่ใช้เข้าชม และแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นจาก Google, Facebook หรือช่องทางอื่นๆ
เครื่องมือนี้มีความสำคัญเพราะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้วิเคราะห์ และวางกลยุทธ์ในการทำการตลาดได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในยุคของ Big Data ที่ข้อมูลมีความสำคัญต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เครื่องมือนี้จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจออนไลน์ไม่ควรพลาด และที่สำคัญคุณสามารถใช้ Google Analytics ได้ฟรีอีกด้วย
หลายคนอาจมองว่าเครื่องมือนี้เข้าใจยาก มีแต่ตารางและตัวเลขเต็มไปหมด ดูซับซ้อนและใช้งานยาก แต่ความจริงแล้ว ข้อมูลที่รวบรวมมาให้นั้นมีคุณค่าอย่างมาก และจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมว่าควรพัฒนาธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณต่อไปในทิศทางไหน

คำศัพท์สำคัญในการใช้งาน Google Analytics ที่ควรทำความเข้าใจมีอะไรบ้าง?
ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน Google Analytics อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรทำความเข้าใจกับคำศัพท์พื้นฐานที่จะพบบ่อยในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถอ่านรายงานได้อย่างเข้าใจและไม่สับสน โดยคำศัพท์สำคัญที่ควรรู้มีดังนี้
Pageviews คืออะไร และแตกต่างจาก Users อย่างไร?
Pageviews หมายถึงจำนวนหน้าเพจที่ถูกเปิดใช้งานบนเว็บไซต์ โดยจะถูกนับทุกครั้งที่มีคนเข้ามาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้เก่า เช่น ถ้าคนๆ เดียวกันเข้าดูหน้าเดิมซ้ำ 5 ครั้ง ก็จะนับเป็น 5 Pageviews
ส่วน Users คือจำนวนคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ โดยไม่ว่าคนๆ นั้นจะเข้ามาที่เว็บไซต์กี่ครั้ง หรือเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านไป 2 วันเข้ามาที่เว็บไซต์อีก Google ก็จะนับเป็น 1 User เท่านั้น แต่หากคนนั้นเปลี่ยน Browser หรืออุปกรณ์ในการเข้าเว็บไซต์ ก็จะถูกนับว่าเป็น User ใหม่ เนื่องจาก Google ใช้วิธีการนับ User โดยการฝัง Cookie ไว้ที่ตัว Browser ของอุปกรณ์นั้นๆ ในการเก็บข้อมูล
Sessions, Bounce Rate และ Exit คืออะไร?
Sessions คือช่วงเวลาที่คนคนหนึ่งกำลังทำกิจกรรมบางอย่างอยู่บนเว็บไซต์ โดย Sessions จะถูกตัดออกในกรณีที่ผู้ใช้อยู่บนหน้าเว็บโดยไม่ทำอะไรเลยเกิน 30 นาที หรือกลับเข้ามาอีกครั้งหลังเที่ยงคืนของวันนั้น
Bounce Rate คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์เพียงแค่หน้าเดียว และกดออกโดยไม่ไปคลิกหน้าอื่นๆ ต่อ โดย Bounce Rate ที่ดีควรมีค่าน้อย หรือไม่ควรเกิน 70%
Exit คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ แล้วกดออกจากเว็บไซต์ ซึ่งแตกต่างจาก Bounce Rate เพราะ Exit นั้นจะคำนวณเปอร์เซ็นต์โดยอ้างอิงจากจำนวนหน้าเว็บที่มีการเปิด ตัวอย่างเช่น หากมีคนเข้ามาหน้า A แล้วกดออกเลย Exit จะเป็น 100% แต่ถ้าเข้ามาหน้า A แล้วคลิกไปหน้า B แล้วกดออก Exit จะนับเป็น 50%
ระยะเวลาการใช้งานบอกอะไรเราได้บ้าง?
คำศัพท์สำคัญในการใช้งาน Google Analytics ที่ควรทำความเข้าใจมีอะไรบ้าง?
ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน Google Analytics อย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรทำความเข้าใจกับคำศัพท์พื้นฐานที่จะพบบ่อยในการใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถอ่านรายงานได้อย่างเข้าใจและไม่สับสน โดยคำศัพท์สำคัญที่ควรรู้มีดังนี้
Pageviews คืออะไร และแตกต่างจาก Users อย่างไร?
Pageviews หมายถึงจำนวนหน้าเพจที่ถูกเปิดใช้งานบนเว็บไซต์ โดยจะถูกนับทุกครั้งที่มีคนเข้ามาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้เก่า เช่น ถ้าคนๆ เดียวกันเข้าดูหน้าเดิมซ้ำ 5 ครั้ง ก็จะนับเป็น 5 Pageviews
ส่วน Users คือจำนวนคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ โดยไม่ว่าคนๆ นั้นจะเข้ามาที่เว็บไซต์กี่ครั้ง หรือเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ผ่านไป 2 วันเข้ามาที่เว็บไซต์อีก Google ก็จะนับเป็น 1 User เท่านั้น แต่หากคนนั้นเปลี่ยน Browser หรืออุปกรณ์ในการเข้าเว็บไซต์ ก็จะถูกนับว่าเป็น User ใหม่ เนื่องจาก Google ใช้วิธีการนับ User โดยการฝัง Cookie ไว้ที่ตัว Browser ของอุปกรณ์นั้นๆ ในการเก็บข้อมูล
Sessions, Bounce Rate และ Exit คืออะไร?
Sessions คือช่วงเวลาที่คนคนหนึ่งกำลังทำกิจกรรมบางอย่างอยู่บนเว็บไซต์ โดย Sessions จะถูกตัดออกในกรณีที่ผู้ใช้อยู่บนหน้าเว็บโดยไม่ทำอะไรเลยเกิน 30 นาที หรือกลับเข้ามาอีกครั้งหลังเที่ยงคืนของวันนั้น
Bounce Rate คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์เพียงแค่หน้าเดียว และกดออกโดยไม่ไปคลิกหน้าอื่นๆ ต่อ โดย Bounce Rate ที่ดีควรมีค่าน้อย หรือไม่ควรเกิน 70%
Exit คือเปอร์เซ็นต์ของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ แล้วกดออกจากเว็บไซต์ ซึ่งแตกต่างจาก Bounce Rate เพราะ Exit นั้นจะคำนวณเปอร์เซ็นต์โดยอ้างอิงจากจำนวนหน้าเว็บที่มีการเปิด ตัวอย่างเช่น หากมีคนเข้ามาหน้า A แล้วกดออกเลย Exit จะเป็น 100% แต่ถ้าเข้ามาหน้า A แล้วคลิกไปหน้า B แล้วกดออก Exit จะนับเป็น 50%
ระยะเวลาการใช้งานบอกอะไรเราได้บ้าง?
Average Session Duration คือช่วงเวลาเฉลี่ยของ Session ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในขณะที่ Average Time on Page คือช่วงเวลาเฉลี่ยที่ User ใช้งานเว็บไซต์หน้านั้นๆ ถ้าเวลาเฉลี่ยในหน้าใดมีค่ามาก แสดงว่า User ให้ความสนใจกับเนื้อหาในหน้านั้นมาก ข้อมูลนี้จึงมีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ว่าเนื้อหาใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากที่สุดAverage Session Duration คือช่วงเวลาเฉลี่ยของ Session ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในขณะที่ Average Time on Page คือช่วงเวลาเฉลี่ยที่ User ใช้งานเว็บไซต์หน้านั้นๆ ถ้าเวลาเฉลี่ยในหน้าใดมีค่ามาก แสดงว่า User ให้ความสนใจกับเนื้อหาในหน้านั้นมาก ข้อมูลนี้จึงมีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ว่าเนื้อหาใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากที่สุด

รายงานที่สำคัญใน Google Analytics มีอะไรบ้าง?
Google Analytics แบ่งรายงานออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ Audience, Acquisition, Behavior และ Conversions โดยแต่ละส่วนจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกันไป
รายงาน Audience ให้ข้อมูลอะไรบ้าง?
รายงาน Audience จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ เช่น เพศ อายุ ที่อยู่ ความสนใจ เครื่องมือที่ใช้ในการเข้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น PC หรือโทรศัพท์ และเป็นระบบปฏิบัติการอะไร เช่น iOS หรือ Android รวมไปถึงรุ่นของโทรศัพท์ที่ใช้ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการทำโฆษณาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
รายงาน Acquisition ช่วยในการวางแผนการตลาดอย่างไร?
รายงาน Acquisition จะบอกว่าผู้ชมเว็บไซต์ของคุณมาจากช่องทางไหน เช่น พิมพ์ชื่อเว็บไซต์โดยตรง เข้ามาจากการค้นหาบน Google หรือมาจากโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Twitter ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเลือกช่องทางในการโปรโมทธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจขายเสื้อผ้าแฟชั่น และพบว่ามี Traffic จำนวนมากเข้ามาจาก Facebook มากกว่า Google คุณอาจพิจารณาแบ่งงบประมาณในการทำโฆษณาไปที่ Facebook มากกว่า Google เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
รายงาน Behavior และ Conversions บอกอะไรเราได้บ้าง?
รายงาน Behavior จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้ชมเว็บไซต์ เช่น ลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาที่หน้าไหน แล้วเข้าไปดูข้อมูลหรือสินค้าอะไรต่อ เว็บไซต์หน้าไหนที่ลูกค้าเข้ามาแล้วต้องกดออกทุกครั้ง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าควรปรับปรุงเว็บไซต์ส่วนไหนเพื่อให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนรายงาน Conversions จะต้องมีการกำหนด Goal หรือเป้าหมายก่อน เช่น การสั่งซื้อสินค้า การลงทะเบียนสมัครสมาชิก หรือการคลิกที่ปุ่มใดปุ่มหนึ่ง เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้ว Google Analytics จะช่วยติดตามว่ามีผู้ใช้กี่คนที่ทำตามเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ ถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นร้านค้าออนไลน์ รายงานนี้จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้ว่าสินค้าอะไรขายดี หรือในแต่ละวันมียอดขายรวมเท่าไหร่

วิธีติดตั้ง Google Analytics ทำได้อย่างไร?
การติดตั้ง Google Analytics เริ่มต้นจากการสร้างบัญชี Google Analytics โดยไปที่เว็บไซต์ https://marketingplatform.google.com/about/analytics/ และทำการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Gmail ของคุณ จากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้
- ตั้งชื่อบัญชี (Account Name) และคลิกถัดไป
- ตั้งชื่อพร็อพเพอร์ตี้ (Property Name) และคลิกถัดไป
- กรอกข้อมูลทางธุรกิจ (ไม่บังคับ) และคลิกถัดไป
- ยอมรับข้อตกลงของ Google Analytics
- เลือกประเภทการเก็บข้อมูลเป็น “เว็บไซต์”
- กรอก URL เว็บไซต์ ตั้งชื่อสตรีม และคลิก “สร้างสตรีม”
- คัดลอกโค้ด Global Site Tag (gtag.js) ที่ได้
หลังจากได้โค้ดแล้ว คุณต้องนำโค้ดไปติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ โดยวางไว้ในส่วน header ของเว็บไซต์ หรือใช้ระบบจัดการเว็บไซต์ที่รองรับการติดตั้ง Google Analytics โดยตรง เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้รอระบบ Google ทำการอัพเดทข้อมูล ซึ่งอาจใช้เวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง จากนั้นคุณจึงจะสามารถเข้าไปดูรายงานต่างๆ ได้

ทำไม Google Analytics 4 จึงสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบัน?
Google Analytics 4 (GA4) เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Google Analytics ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะ Monetization Report ที่ช่วยให้คุณเห็นรายได้ที่เกิดจากสินค้า โฆษณา และการสมัครใช้บริการในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นของคุณ
GA4 มีความสำคัญเพราะสามารถติดตามข้อมูลทั้งจากเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นในพร็อพเพอร์ตี้เดียวกัน ทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้น นอกจากนี้ GA4 ยังช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะเน้นการวิเคราะห์แบบ Event-based ที่ติดตามทุกการกระทำของผู้ใช้บนเว็บไซต์ เช่น การคลิก การสกรอล หรือการดูวิดีโอ
การใช้งาน Conversion Tracking ใน GA4 ยังช่วยให้คุณติดตามเป้าหมายที่สำคัญต่างๆ ได้ เช่น การสมัครสมาชิก การเพิ่มสินค้าลงตะกร้า การเลือกการขนส่ง การชำระเงิน และการเพิ่มสินค้าลงรายการโปรด เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของเส้นทางการซื้อสินค้าของลูกค้า และนำไปปรับปรุงกระบวนการขายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้
สรุป: Google Analytics เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างไร?
Google Analytics เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นใครเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ มาจากช่องทางไหน สนใจเนื้อหาหรือสินค้าอะไร และมีพฤติกรรมอย่างไรบนเว็บไซต์ของคุณ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยุคของ Big Data ทำให้การตลาดแบบดั้งเดิมที่เน้นการทำแคมเปญขนาดใหญ่เริ่มหมดความสำคัญลง แต่การมีข้อมูลที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำกลับมีความสำคัญมากขึ้น นักการตลาดจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการใช้ข้อมูลและตัวเลขมากขึ้น เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล
การใช้ Google Analytics อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนข้อมูลและตัวเลขให้กลายเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ในที่สุด
#GoogleAnalytics #การวิเคราะห์เว็บไซต์ #ข้อมูลเชิงลึก #กลยุทธ์การตลาด #DigitalMarketing #SEO #เครื่องมือวิเคราะห์ #BigData #ConversionRate #ธุรกิจออนไลน์