
วันที่ 11.11 คืออะไร? ทำไมกลายเป็นเทศกาลช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร?
เทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ที่รู้จักกันในชื่อ Double Day หรือวันเลขเบิ้ล ได้กลายเป็นปรากฏการณ์การช้อปปิ้งระดับโลกที่สร้างยอดขายมหาศาลในช่วงเพียงไม่กี่วัน จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในฐานะวันคนโสดในประเทศจีน วันที่ 11.11 ได้พัฒนากลายเป็นมหกรรมการช้อปปิ้งที่สร้างรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจประวัติความเป็นมา เหตุผลที่ทำให้เทศกาลนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และกลยุทธ์ทางการตลาดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแคมเปญ Double Day
จุดกำเนิดวัน 11.11 มาจากไหน และทำไมถึงได้ชื่อว่าวันคนโสด?
การเริ่มต้นของวัน 11.11 หรือที่รู้จักกันว่าเป็น “วันคนโสด” มีจุดกำเนิดมาจากกลุ่มนักศึกษาชายในมหาวิทยาลัยหนานจิง ประเทศจีน ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1993 เมื่อกลุ่มนักศึกษาชาย 4 คนที่พักอาศัยในหอพักเดียวกันได้เลือกวันที่ 11 พฤศจิกายน หรือ 11/11 เป็นวันพิเศษ เนื่องจากเลข 1 แทนคนโสดที่อยู่คนเดียว และเมื่อมีเลข 1 เรียงกัน 4 ตัว จึงเปรียบเสมือนคนโสดทั้ง 4 คนที่ยืนเรียงกัน
ในภาษาจีนเรียกวันนี้ว่า “กวงกุ้นเจี๋ย” หรือ “วันท่อนไม้” เพราะท่อนไม้มีลักษณะยาวๆ คล้ายกับเลขหนึ่ง และกลายเป็นสแลงที่หมายถึงคนโสด นักศึกษากลุ่มนี้ริเริ่มจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวเพื่อให้คนโสดได้ออกมาพบปะสังสรรค์และทำความรู้จักกัน เป็นการเปิดโอกาสให้คนไร้คู่ได้มีคู่ ซึ่งเป็นการต่อต้านค่านิยมดั้งเดิมของจีนที่มักกดดันให้คนหนุ่มสาวแต่งงานเร็วๆ
จากกิจกรรมเล็กๆ ภายในมหาวิทยาลัย แนวคิดนี้ได้แพร่กระจายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในเมืองหนานจิง และกลายเป็นที่นิยมทั่วประเทศจีนตลอดช่วงทศวรรษ 1990 ในช่วงแรก กิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นวันต่อต้านความรัก แต่ในเวลาต่อมาได้พัฒนาเป็นวันที่ส่งเสริมให้คนภาคภูมิใจในชีวิตโสดและเฉลิมฉลองอิสรภาพของการใช้ชีวิตคนเดียว

จากวันคนโสดสู่มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวัน 11.11 เกิดขึ้นในปี 2009 เมื่อผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีนเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากวันคนโสด จึงได้ริเริ่มจัดแคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ในวันที่ 11.11 โดยมีโปรโมชั่นนาทีทองเกือบทุกชั่วโมง
ในปีแรกที่จัดแคมเปญดังกล่าว ยอดขายสินค้าออนไลน์อยู่ที่ 2.04 แสนล้านหยวน และยอดขายได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้วัน 11.11 กลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล จากวันที่เริ่มต้นเพื่อปลอบประโลมหัวใจคนโสด กลายเป็นวันที่ทุกคน ไม่ว่าจะโสดหรือไม่โสด ต่างก็ร่วมกันช้อปปิ้งอย่างหนัก
เมื่อแคมเปญ 11.11 ประสบความสำเร็จอย่างมากในจีน แนวคิดนี้ได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียและทั่วโลก แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ในหลายประเทศได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้ จนทำให้ 11.11 กลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งมียอดขายมากกว่า Black Friday และ Cyber Monday รวมกัน
เหตุใดแคมเปญ Double Day จึงประสบความสำเร็จอย่างมาก?
แคมเปญ Double Day หรือวันเลขเบิ้ล ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วันที่ 11.11 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวันที่มีเลขซ้ำอื่นๆ เช่น 10.10, 12.12 อีกด้วย ความสำเร็จของแคมเปญนี้เกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้
- การสร้างความรู้สึกเร่งด่วน: แคมเปญ Double Day กระตุ้นความรู้สึกในการแย่งชิง โดยมีเวลาซื้อสินค้าตามโปรโมชั่นที่จำกัด ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าหากไม่รีบซื้อในช่วงเวลานี้ จะพลาดโอกาสได้รับส่วนลดพิเศษ
- การลดราคาที่น่าดึงดูด: ร้านค้าออนไลน์ต่างๆ มักจะเสนอส่วนลดที่มากกว่าปกติในช่วง Double Day บางครั้งอาจลดถึง 50-80% ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่พวกเขาอาจกำลังพิจารณาอยู่
- การจดจำที่ง่าย: วันที่มีเลขซ้ำ เช่น 11.11 เป็นวันที่จดจำได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเตรียมตัวและวางแผนการช้อปปิ้งล่วงหน้าได้
- การสร้างวัฒนธรรมการช้อปปิ้ง: แคมเปญ Double Day ได้สร้างวัฒนธรรมการช้อปปิ้งใหม่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าการซื้อสินค้าในวันพิเศษเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางสังคม

กลยุทธ์การตลาดของ Double Day ที่ทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง?
การทำการตลาดสำหรับแคมเปญ Double Day ไม่ใช่แค่การลดราคาสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง:
- การสร้างกระแสล่วงหน้า: ร้านค้าออนไลน์มักจะเริ่มสร้างความตื่นเต้นล่วงหน้าก่อนถึงวัน Double Day ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ด้วยการโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ LINE Official ด้วยการส่งข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าที่จะลดราคาพิเศษ และแจกคูปองส่วนลดล่วงหน้าให้กับลูกค้าประจำ
- การจัด Flash Sale: การลดราคาแบบจัดหนักแต่จำกัดเวลา เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ผลดี โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางดึกถึงเช้ามืด ซึ่งมักมีส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคอยู่รอเพื่อช้อปปิ้งในช่วงเวลาดังกล่าว
- การใช้อินฟลูเอนเซอร์: การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์หรือคนดังบนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทแคมเปญ Double Day เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือของโปรโมชั่น
- การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าตื่นเต้น: นอกจากการลดราคาแล้ว ร้านค้าออนไลน์ยังสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าตื่นเต้นด้วยการจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การไลฟ์สดเพื่อขายสินค้าในราคาพิเศษ หรือการจัดเกมชิงรางวัล
- การใช้ข้อมูลผู้บริโภค: ร้านค้าออนไลน์ใช้ข้อมูลผู้บริโภคในการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อและความสนใจ เพื่อนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย

Double Day ในปัจจุบัน: ความสำคัญและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมีอย่างไร?
ในปัจจุบัน แคมเปญ Double Day โดยเฉพาะ 11.11 ได้กลายเป็นปรากฏการณ์การช้อปปิ้งที่สำคัญในระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก ดังนี้:
- มูลค่าทางเศรษฐกิจที่มหาศาล: ในปี 2020 ยอดขายในช่วงวัน 11.11 ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ในจีนอยู่ที่ 4.98 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นมูลค่ามหาศาลที่สะท้อนถึงพลังของแคมเปญนี้
- การขยายระยะเวลาแคมเปญ: จากเดิมที่แคมเปญ Double Day จัดเพียงวันเดียว ปัจจุบันได้มีการขยายระยะเวลาออกไปเป็นหลายวัน เพื่อให้ผู้บริโภคมีเวลาในการช้อปปิ้งมากขึ้น เช่น การจัดแคมเปญเป็น 2 ช่วง ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน และวันที่ 11 พฤศจิกายน
- การพัฒนาเทคโนโลยีการช้อปปิ้ง: แคมเปญ Double Day ได้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น การชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว การจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการแนะนำสินค้า
- การขยายตัวไปยังตลาดต่างประเทศ: แคมเปญ Double Day ได้ขยายตัวจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เกิดการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในระดับโลก
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค: แคมเปญ Double Day ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภค โดยหลายคนเลือกที่จะรอซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลนี้เพื่อรับส่วนลดพิเศษ เกิดเป็นวัฒนธรรมการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่
สรุป
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหนานจิง วัน 11.11 หรือวันคนโสด ได้พัฒนากลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกที่สร้างยอดขายมหาศาลในทุกๆ ปี แคมเปญ Double Day ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อวงการค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคทั่วโลกอีกด้วย
การผสมผสานกลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งการสร้างกระแสล่วงหน้า การจัด Flash Sale การใช้อินฟลูเอนเซอร์ และการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่น่าตื่นเต้น ได้ทำให้แคมเปญ Double Day ประสบความสำเร็จอย่างมาก
ในอนาคต แคมเปญ Double Day มีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาต่อไป โดยอาจมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (VR) หรือการซื้อขายในโลกเสมือน (Metaverse) เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
#11.11 #วันคนโสด #DoubleDay #วันเลขเบิ้ล #มหกรรมช้อปปิ้ง #กลยุทธ์การตลาด #eCommerce #FlashSale #ลดราคาสินค้า #ช้อปปิ้งออนไลน์