ช็อคโกแลตดูไบคืออะไร? ทำไมจึงกลายเป็นขนมหวานไวรัลที่ทุกคนต้องลอง?

ขอบคุณรูปจาก :https://cooking.nytimes.com/recipes/1026519-dubai-chocolate

ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินชื่อของหวานที่กำลังฮอตฮิตอย่าง “ช็อคโกแลตดูไบ” กันอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นกระแสที่ทำให้ผู้คนพากันออกตามหาขนมหวานชนิดนี้มาลิ้มลองกันอย่างคึกคัก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าทำไมขนมหวานชนิดนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วขนาดนั้น บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับช็อคโกแลตดูไบให้มากขึ้น ทั้งที่มา รสชาติ และกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ขนมหวานชนิดนี้กลายเป็นเทรนด์ไวรัลในโลกออนไลน์

ช็อคโกแลตดูไบคืออะไร และมีรสชาติอย่างไร?

ช็อคโกแลตดูไบ คือ ช็อคโกแลตบาร์ที่มีความพิเศษแตกต่างจากช็อคโกแลตทั่วไปตรงที่มีส่วนผสมของไส้ด้านในที่โดดเด่น โดยไส้ดังกล่าวทำมาจากเส้นแป้งกรอบคล้ายกับเส้นหมี่ เรียกว่า “เส้นคูนาฟะ” (Kunafa) ผสมกับถั่วพิสตาชิโอปั่นละเอียด ปรุงรสด้วยความหวานมันเค็มที่ลงตัว ทำให้มีความฉ่ำและกรอบจากไส้ด้านในเป็นพิเศษ

ในเรื่องของรสชาติ ช็อคโกแลตดูไบมีเอกลักษณ์ในการให้ประสบการณ์หลากหลายรสสัมผัสในคำเดียว เริ่มต้นด้วยรสเข้มของช็อกโกแลตด้านนอกในสัมผัสแรก แต่เมื่อกัดลงไปจะได้รับรสชาติที่ผสมผสานกัน ทั้งความหอมหวานมัน เค็มนิดๆ และความกรุบกรอบของเส้นคูนาฟะและถั่วพิสตาชิโอ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ที่ได้ลิ้มลองต่างประทับใจ

ลักษณะของช็อกโกแลตดูไบเป็นแท่งช็อคโกแลตหนาสีเข้มคล้ายอิฐ และเมื่อหักออกจะเห็นไส้สีเขียวสดใสจากพิสตาชิโอที่อยู่ด้านใน ทำให้มีความสวยงามและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ที่มาและเรื่องราวน่าสนใจของช็อคโกแลตดูไบ

ช็อคโกแลตดูไบมีจุดกำเนิดมาจากร้านช็อกโกแลตระดับไฮเอนด์ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่บาร์ละเกือบ 600 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับช็อกโกแลตบาร์ทั่วไป

เรื่องราวน่าสนใจเบื้องหลังของช็อคโกแลตดูไบเกิดจากหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีความอยากกินช็อคโกแลตในช่วงตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ซึ่งเธอไม่สามารถหาช็อคโกแลตที่ถูกปากได้เลย จึงเกิดแรงบันดาลใจให้เธอคิดค้นสูตรขนมหวานในแบบที่แม่เคยทำให้กินในช่วงวัยเยาว์ขึ้นมา การผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมของอาหรับกับความนิยมในช็อคโกแลตจึงกลายเป็นจุดกำเนิดของช็อคโกแลตดูไบที่โด่งดังในปัจจุบัน

ช็อคโกแลตดูไบถูกคิดค้นสูตรขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นมีชื่อที่น่าสนใจว่า “Can’t Get Knafeh of It” ซึ่งเป็นการเล่นคำจาก “Can’t Get Enough of It” ผสมกับคำว่า “Knafeh” ที่เป็นชื่อของขนมหวานตะวันออกกลางที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลัก

เหตุใดช็อคโกแลตดูไบจึงกลายเป็นเทรนด์ไวรัลในโลกโซเชียล?

ความนิยมอย่างรวดเร็วของช็อคโกแลตดูไบไม่ได้เกิดจากเพียงรสชาติและความสวยงามเท่านั้น แต่เกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ช็อคโกแลตดูไบได้รับความนิยมอย่างมากมีดังนี้:

กระแสจากโซเชียลมีเดีย

แพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมอย่าง TikTok เป็นแหล่งกำเนิดความไวรัลที่สำคัญของช็อคโกแลตดูไบ โดยเริ่มต้นจากการที่อินฟลูเอนเซอร์และผู้ใช้งานทั่วไปได้แชร์วิดีโอรีวิวการรับประทานช็อคโกแลตชนิดนี้ การโชว์ความพิเศษของรสชาติและเสียงกรอบเวลากัด ทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและอยากลองเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์นี้

วิดีโอเหล่านี้มักจะแสดงให้เห็นความน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อหักช็อคโกแลตออกและเห็นไส้สีเขียวสดใสด้านใน รวมถึงเสียง ASMR ของความกรอบเมื่อกัดช็อคโกแลต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้วิดีโอเหล่านี้น่าสนใจและถูกแชร์ต่อไปเรื่อยๆ

ความอยากลองของผู้บริโภค

หลังจากที่ช็อคโกแลตดูไบมีกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ ความต้องการทดลองชิมของผู้บริโภคก็ตามมาอย่างรวดเร็ว ผู้คนเกิดความอยากรู้อยากลอง อยากสัมผัสว่ารสชาติจะเป็นอย่างที่เห็นในโลกออนไลน์หรือไม่ บางคนถึงกับยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงขึ้น 2-3 เท่าของราคาปกติ เพื่อให้ได้ลิ้มลองช็อคโกแลตดูไบ

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากสิ่งที่นักการตลาดเรียกว่า “FOMO” (Fear Of Missing Out) หรือความกลัวตกเทรนด์ ซึ่งทำให้ผู้คนพยายามหาซื้อสินค้าหรือบริการที่กำลังเป็นที่นิยมเพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกตกกระแส

การเกาะกระแสของร้านค้าและผู้ผลิต

เมื่อความต้องการช็อคโกแลตดูไบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้านขนมและผู้ผลิตรายย่อยทั่วโลกจึงเริ่มคิดค้นสูตรและผลิตช็อคโกแลตดูไบของตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ทำให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อช็อคโกแลตดูไบได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องสั่งจากต่างประเทศ

ในประเทศไทย ร้านขนมชื่อดังหลายแห่งได้เริ่มนำเสนอเมนูช็อคโกแลตดูไบให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง ทำให้กระแสความนิยมแพร่กระจายไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

กลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ช็อคโกแลตดูไบประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จของช็อคโกแลตดูไบถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจด้านการตลาดไวรัล โดยกลยุทธ์ที่ทำให้ช็อคโกแลตดูไบประสบความสำเร็จมีดังนี้:

การสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง

ช็อคโกแลตดูไบมีการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากช็อคโกแลตทั่วไปอย่างชัดเจน ด้วยการผสมผสานวัตถุดิบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยเฉพาะเส้นคูนาฟะและถั่วพิสตาชิโอที่ให้ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้ลิ้มลองสิ่งที่แตกต่างและพิเศษกว่าช็อคโกแลตทั่วไป

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ช่วยให้ช็อคโกแลตดูไบสามารถยกระดับตัวเองจากขนมหวานธรรมดาไปสู่ประสบการณ์การรับประทานที่น่าจดจำ

การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย

การใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้เป็นกลยุทธ์หลักที่ทำให้ช็อคโกแลตดูไบโด่งดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จากคอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเอง (User-Generated Content) ทำให้แบรนด์สามารถขยายการรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนในการโฆษณามากนัก

นอกจากนี้ การใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นสื่อกลางในการกระจายข่าวสารและรีวิวสินค้ายังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างเรื่องราวและคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์

การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่มาของช็อคโกแลตดูไบ โดยเฉพาะประวัติการคิดค้นสูตรเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และการบรรยายรสชาติและส่วนผสมพิเศษอย่างละเอียด ช่วยสร้างคุณค่าและความพิเศษให้กับผลิตภัณฑ์

เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าไม่ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อช็อคโกแลตธรรมดา แต่เป็นการจ่ายเพื่อได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่น่าสนใจ

การสร้างความต้องการผ่านความจำกัดของสินค้า

กลยุทธ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือการสร้างความรู้สึกถึงความจำกัดของสินค้า (Scarcity) ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดเวลาในการสั่งซื้อ การจำกัดจำนวนการผลิตต่อวัน หรือการที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า สิ่งเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกอยากได้มากขึ้น

บางครั้งความจำกัดนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเมื่อสินค้าได้รับความนิยมสูงจนผลิตไม่ทัน แต่ผู้ประกอบการฉลาดมักจะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นความต้องการให้สูงยิ่งขึ้น

ข้อแตกต่างระหว่างช็อคโกแลตดูไบกับช็อคโกแลตทั่วไป

ช็อคโกแลตดูไบมีความแตกต่างจากช็อคโกแลตทั่วไปหลายประการ ดังนี้:

ส่วนผสมและรสชาติ

ช็อคโกแลตดูไบมีเอกลักษณ์ตรงไส้ของช็อคโกแลตที่ประกอบด้วยเส้นคูนาฟะ (Kunafa) และถั่วพิสตาชิโอบด ซึ่งทำให้มีรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความหวานของช็อคโกแลต ความมันของถั่ว และความเค็มนิดๆ ที่ปรุงเพิ่มเข้าไป ในขณะที่ช็อคโกแลตทั่วไปมักจะมีเพียงรสหวานเป็นหลัก

เนื้อสัมผัส

ความแตกต่างที่โดดเด่นอีกประการคือเนื้อสัมผัส ช็อคโกแลตดูไบมีความกรุบกรอบจากเส้นคูนาฟะที่ผสมอยู่ภายใน ทำให้ได้สัมผัสที่แตกต่างจากช็อคโกแลตทั่วไปที่มักจะมีเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนหรือแข็งเพียงอย่างเดียว

การนำเสนอและรูปลักษณ์

ช็อคโกแลตดูไบมีการนำเสนอที่น่าสนใจกว่า ด้วยความแตกต่างของสีสันระหว่างช็อคโกแลตสีน้ำตาลเข้มด้านนอกกับไส้สีเขียวสดใสของพิสตาชิโอด้านใน ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อหักช็อคโกแลตออกมาชิม ต่างจากช็อคโกแลตทั่วไปที่มักจะมีสีสันเดียวกันตลอดทั้งแท่ง

วัฒนธรรมและที่มา

ช็อคโกแลตดูไบเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกกลางเข้ากับขนมหวานที่เป็นที่นิยมทั่วโลกอย่างช็อคโกแลต โดยนำเอาขนมหวานดั้งเดิมของอาหรับอย่างคูนาฟะมาประยุกต์ใช้ ทำให้เกิดความแปลกใหม่และน่าสนใจ

สรุป

ช็อคโกแลตดูไบได้กลายเป็นปรากฏการณ์ความไวรัลที่น่าสนใจในโลกของขนมหวาน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในแง่ของรสชาติ เนื้อสัมผัส และการนำเสนอที่แตกต่าง ผสานกับกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด ทำให้ช็อคโกแลตดูไบสามารถสร้างกระแสและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว

ความสำเร็จของช็อคโกแลตดูไบแสดงให้เห็นถึงพลังของโซเชียลมีเดียในการสร้างเทรนด์และกระแสในยุคปัจจุบัน รวมถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ไม่ว่าเทรนด์ช็อคโกแลตดูไบจะอยู่ได้นานเพียงใด แต่ปรากฏการณ์นี้ก็ได้สร้างบทเรียนสำคัญให้กับผู้ประกอบการและนักการตลาดในการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่และการสร้างกระแสไวรัลอย่างมีประสิทธิภาพ

ช็อคโกแลตดูไบ #ขนมไวรัล #เทรนด์ขนมหวาน #ทำไมช็อคโกแลตดูไบดัง #รีวิวช็อคโกแลตดูไบ #คูนาฟะ #พิสตาชิโอ