
ทำไมหลายประเทศต้องแบน TikTok? อะไรคือเหตุผลที่ทำให้แอปนี้ถูกห้ามใช้?
ขอบคุณรูปจาก :https://gleaner.rutgers.edu/2024/03/27/what-you-need-to-know-about-the-tiktok-ban/
ในช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มดำเนินมาตรการแบนหรือจำกัดการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ที่มีผู้ใช้งานนับพันล้านคน โดยมีเหตุผลหลักจากความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความมั่นคงของชาติ แม้ว่า TikTok จะเป็นแอปที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับการแชร์วิดีโอสั้นๆ แต่กลับเผชิญกับการถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่อย่าง ByteDance ที่มีฐานอยู่ในประเทศจีน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่พึงประสงค์ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเหตุผลหลักที่ทำให้หลายประเทศตัดสินใจแบน TikTok พร้อมรายชื่อประเทศที่ได้ดำเนินมาตรการจำกัดการใช้งานแอปนี้ไปแล้ว รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาสำหรับผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้น

เหตุผลหลักที่ทำให้ TikTok ถูกแบนในหลายประเทศ
TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่กลับต้องเผชิญกับความท้าทายด้านความเชื่อมั่นจากรัฐบาลทั่วโลก เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายประเทศตัดสินใจจำกัดหรือแบนการใช้งานแอปนี้มีหลายประการ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความกังวลด้านความปลอดภัยและผลกระทบต่อประเทศ
ความปลอดภัยทางไซเบอร์
หลายรัฐบาลทั่วโลกมีความกังวลว่าข้อมูลผู้ใช้งานบน TikTok อาจถูกแทรกแซงหรือนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการสอดแนม หรือปฏิบัติการทางไซเบอร์ ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงให้กับระบบและเครือข่ายของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok มีสำนักงานใหญ่ในประเทศจีน
แม้ว่า TikTok จะออกมายืนยันหลายครั้งว่าไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ ให้กับรัฐบาลจีน แต่ความไม่แน่ใจและข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเอกชนจีนกับรัฐบาลจีนยังคงดำรงอยู่ ทำให้หลายประเทศเลือกที่จะดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
TikTok เก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ อุปกรณ์ที่ใช้งาน พฤติกรรมการใช้แอป และข้อมูลอื่นๆ อีกมากมาย หลายประเทศจึงมีความกังวลว่าอาจเกิดการนำข้อมูลส่วนตัวของประชาชนไปใช้ในทางที่ผิดหรือละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว
ในประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด เช่น ในยุโรปที่มี GDPR หรือในสหรัฐอเมริกาที่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลหลายฉบับ ก็มีความกังวลว่าการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้อาจขัดกับข้อกำหนดของกฎหมายท้องถิ่น จึงเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนประเทศที่แบน TikTok เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความกังวลด้านการเมือง
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือความกังวลในแง่มุมทางการเมือง เนื่องจาก ByteDance มีสำนักงานใหญ่ในจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดกับหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ทำให้มีความกังวลว่า TikTok อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือที่มีนัยทางการเมือง หรือเพื่อสร้างอิทธิพลต่อความคิดของประชาชน
หลายประเทศมองว่าการแบน TikTok เป็นมาตรการป้องกันล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของประชาชนและความมั่นคงของชาติจะไม่ถูกคุกคามจากอิทธิพลของรัฐบาลต่างชาติ ทำให้ตัดสินใจดำเนินมาตรการจำกัดการใช้งานแอปนี้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

ประเทศที่แบน TikTok มีที่ไหนบ้าง?
จากความกังวลด้านความปลอดภัยและความมั่นคง หลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มดำเนินมาตรการจำกัดการใช้งาน TikTok ในระดับต่างๆ กัน โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากการห้ามใช้งานในอุปกรณ์ของภาครัฐก่อน แล้วจึงขยายขอบเขตไปสู่การแบนในระดับที่กว้างขึ้น มาดูกันว่ามีประเทศใดบ้างที่ได้ดำเนินมาตรการกับ TikTok
อินเดีย
อินเดียเป็นประเทศที่แบน TikTok อย่างเด็ดขาดเป็นประเทศแรกๆ ของโลก โดยประกาศแบน TikTok ทั่วประเทศในปี 2020 หลังจากเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและอินเดียบนพรมแดนของทั้งสองประเทศ การแบนในอินเดียไม่ได้จำกัดเฉพาะ TikTok เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่มาจากจีนอีกหลายแอป โดยอินเดียให้เหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยและอธิปไตยของชาติ
การตัดสินใจของอินเดียส่งผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดผู้ใช้งานที่ใหญ่ที่สุดของ TikTok ก่อนมีการแบน ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านคน
ไต้หวัน
ไต้หวันมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่อาจเกิดจาก TikTok ในเดือนธันวาคม 2022 รัฐบาลไต้หวันสั่งห้ามใช้ TikTok ในหน่วยงานภาครัฐ หลังจาก FBI ออกมาเตือนว่า TikTok อาจสร้างความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ
ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันกับจีนที่มีมาอย่างยาวนานเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลไต้หวันมีความระมัดระวังอย่างสูงต่อแอปพลิเคชันที่มีต้นกำเนิดจากจีน เพื่อป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองและการสอดแนมข้อมูล
ปากีสถาน
ทางการปากีสถานสั่งแบน TikTok ชั่วคราวอย่างน้อย 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 เป็นต้นมา แต่เหตุผลของการแบนแตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยปากีสถานให้เหตุผลว่า TikTok อาจส่งเสริมเนื้อหาที่ผิดศีลธรรมและไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน
หน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมของปากีสถานระบุว่า การแบน TikTok เป็นการตอบสนองต่อเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งขัดต่อค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมของประเทศ แสดงให้เห็นว่าการแบน TikTok ไม่ได้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรมด้วย
อัฟกานิสถาน
ในปี 2022 อัฟกานิสถานสั่งแบน TikTok และเกม PUBG โดยให้เหตุผลว่าเพื่อปกป้องเยาวชนจากการถูกหลอกลวงและอิทธิพลที่ไม่เหมาะสม การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลตาลีบันในการควบคุมสื่อและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน
การแบนในอัฟกานิสถานสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและศาสนาที่อาจเกิดจากเนื้อหาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ มากกว่าประเด็นด้านความมั่นคงของชาติ

วิธีแก้ปัญหาเมื่อ TikTok ถูกแบน
สำหรับผู้ใช้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีการแบน TikTok หรือกำลังเตรียมตัวรับมือกับการแบนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มีวิธีการหลายอย่างที่สามารถใช้เพื่อเข้าถึง TikTok หรือใช้ทางเลือกอื่นแทน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน
การใช้ VPN เพื่อเข้าถึง TikTok
Virtual Private Network หรือ VPN เป็นวิธีที่ผู้ใช้งานนิยมใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในประเทศของตน VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่เสมือนว่าอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่มีการแบน TikTok
เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN ข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณจะถูกเข้ารหัสและส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ในประเทศอื่น ทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังเข้าใช้งานจากประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ VPN ยังช่วยปิดบังประวัติการท่องเว็บและการค้นหาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่มีใครสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำหรับการใช้ VPN เพื่อเข้าถึง TikTok ในประเทศที่มีการแบน เนื่องจากในบางประเทศ การใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการแบนอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ คุณควรเลือกใช้บริการ VPN ที่น่าเชื่อถือเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
แพลตฟอร์มทางเลือกแทน TikTok
หาก TikTok ถูกแบนอย่างถาวรในประเทศของคุณ และคุณไม่ต้องการเสี่ยงกับการใช้ VPN หรือวิธีอื่นๆ ที่อาจผิดกฎหมาย คุณสามารถหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นที่มีฟีเจอร์คล้ายๆ กันได้ เช่น:
- Instagram Reels – ฟีเจอร์ของ Instagram ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและแชร์วิดีโอสั้นๆ คล้ายกับ TikTok
- YouTube Shorts – แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ YouTube ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- Snapchat – แอปพลิเคชันที่เน้นการแชร์โมเมนต์ผ่านวิดีโอและรูปภาพ
แม้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้อาจให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจาก TikTok บ้าง แต่ก็สามารถใช้เป็นทางเลือกในการแชร์และรับชมวิดีโอสั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย
สร้างบัญชีใหม่บนแพลตฟอร์มอื่น
สำหรับผู้ที่ใช้งาน TikTok เพื่อการตลาดหรือธุรกิจ การสูญเสียการเข้าถึงแพลตฟอร์มนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลยุทธ์การตลาดและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ในกรณีนี้ การหันไปสร้างบัญชีใหม่บนแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ได้ถูกแบนเป็นทางเลือกที่ดี
การสร้างตัวตนบนหลายแพลตฟอร์ม (Multi-platform presence) เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น เนื่องจากแต่ละแพลตฟอร์มมีกลุ่มผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแบน TikTok
VPN คืออะไร และช่วยในการเข้าถึง TikTok ที่ถูกแบนได้อย่างไร?
VPN หรือ Virtual Private Network คือโปรแกรมที่สร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับอินเทอร์เน็ต เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ VPN ข้อมูลของคุณจะถูกเข้ารหัสและส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ในประเทศอื่น ทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังเข้าใช้งานจากประเทศนั้นๆ
VPN ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง TikTok ในประเทศที่มีการแบน โดยการเปลี่ยนตำแหน่งทางออนไลน์ของคุณให้เป็นประเทศที่ไม่มีการแบน TikTok อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าในบางประเทศ การใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการแบนอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงควรศึกษาข้อกฎหมายในประเทศของคุณก่อนใช้งาน
VPN ปิดบังข้อมูลอะไรได้บ้าง?
VPN สามารถปิดบังข้อมูลหลายอย่าง ได้แก่:
- ประวัติการท่องเว็บ – VPN จะปิดบังประวัติการท่องเว็บและการค้นหาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต สิ่งเดียวที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณสามารถเห็นได้คือการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN เท่านั้น
- ตำแหน่งทางออนไลน์ – VPN ช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่งทางออนไลน์ของคุณได้ โดยการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ได้
- การเชื่อมต่อข้อมูล – VPN ช่วยป้องกันความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้ WiFi สาธารณะ การท่องเว็บแบบไม่ระบุตัวตน และการสื่อสารที่ปลอดภัย ทำให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณไม่สามารถถูกสอดแนมได้
มีประเทศไหนอีกบ้างที่กำลังพิจารณาแบน TikTok?
นอกจากประเทศที่ได้แบน TikTok ไปแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังพิจารณาหรือเริ่มมีการแสดงความกังวลเกี่ยวกับ TikTok เช่น:
- ออสเตรเลีย – รัฐบาลออสเตรเลียกำลังพิจารณามาตรการจำกัดการใช้งาน TikTok ในหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล
- ญี่ปุ่น – ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบแอปพลิเคชันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งอาจนำไปสู่การจำกัดการใช้งาน TikTok ในอนาคต
- บราซิล – มีการเรียกร้องให้รัฐบาลบราซิลพิจารณาแบน TikTok เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและผลกระทบต่อเยาวชน
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า หากสหรัฐฯ ยังคงดำเนินการแบน TikTok อย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่ประเทศอื่นๆ จะตามรอยมาตรการนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ
สรุป
การแบน TikTok ในหลายประเทศทั่วโลกเป็นผลมาจากความกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่าง ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กับรัฐบาลจีน ทำให้หลายประเทศตัดสินใจดำเนินมาตรการจำกัดการใช้งานแอปนี้เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ
ประเทศที่ได้แบนหรือจำกัดการใช้งาน TikTok มีหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อินเดีย อังกฤษ ฝรั่งเศส ไต้หวัน ปากีสถาน อัฟกานิสถาน และอีกหลายประเทศกำลังพิจารณามาตรการที่คล้ายคลึงกัน โดยสถานการณ์ล่าสุดในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีการแบน TikTok แล้ว แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่
สำหรับผู้ใช้ในประเทศที่มีการแบน TikTok มีทางเลือกหลายทาง ทั้งการใช้ VPN เพื่อเข้าถึง TikTok การใช้แพลตฟอร์มทางเลือกอื่นๆ หรือการสร้างบัญชีใหม่บนแพลตฟอร์มที่ไม่ถูกแบน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรคำนึงถึงข้อกฎหมายในประเทศของตนและความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นก่อนเลือกใช้วิธีการเหล่านี้
#TikTok #แบนTikTok #ความปลอดภัยไซเบอร์ #ByteDance #VPN #แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย #ความเป็นส่วนตัวข้อมูล