ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
127

GDPR กับ PDPA ต่างกันอย่างไร? ธุรกิจออนไลน์ควรเลือกใช้กฎหมายไหน?

GDPR และ PDPA คืออะไร? ใครต้องปฏิบัติตาม?

GDPR (General Data Protection Regulation) คือ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (EU) ที่มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนใน EU มีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง และบังคับใช้กับองค์กรทั่วโลกที่เก็บหรือประมวลผลข้อมูลของพลเมือง EU ไม่ว่าองค์กรนั้นจะตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม[11].

PDPA (Personal Data Protection Act) คือ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย ที่บังคับใช้กับทุกองค์กรที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือดำเนินธุรกิจในไทย โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือถิ่นที่อยู่ของเจ้าของข้อมูล[11][6].

2

สิทธิของเจ้าของข้อมูล: ใครได้สิทธิมากกว่ากัน?

GDPR ให้สิทธิ์เจ้าของข้อมูลอย่างครบถ้วน ทั้งการเข้าถึง แก้ไข ลบข้อมูล ขอคัดค้าน หรือขอให้ลบข้อมูล (Right to be Forgotten) รวมถึงสิทธิ์ในการขอข้อมูลไปใช้กับผู้ให้บริการรายอื่น (Data Portability) และสิทธิ์ปฏิเสธการตัดสินใจโดยระบบอัตโนมัติ[11][2][6].

PDPA ให้สิทธิ์เข้าถึงและลบข้อมูลเป็นหลัก ส่วนสิทธิ์อื่นๆ เช่น การแก้ไขหรือปฏิเสธการประมวลผล ยังไม่ระบุชัดเจนเท่า GDPR[11][6].

การขอความยินยอมและการจัดการข้อมูล

  • GDPR เน้น “ความยินยอมอย่างชัดเจน” (Explicit Consent) ต้องแจ้งวัตถุประสงค์และให้เจ้าของข้อมูลตัดสินใจอย่างอิสระ
  • PDPA อนุญาตให้ใช้ “ความยินยอมโดยปริยาย” (Implied Consent) ในบางกรณี แต่ต้องแจ้งวัตถุประสงค์และให้ถอนความยินยอมได้ง่าย[2][15].
3

การแจ้งเหตุข้อมูลรั่วไหลและมาตรฐานความปลอดภัย

ทั้งสองกฎหมายกำหนดให้ธุรกิจต้องแจ้งเหตุข้อมูลรั่วไหลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของข้อมูลโดยเร็วที่สุด แต่ GDPR จะมีรายละเอียดและมาตรฐานการป้องกันข้อมูลที่เข้มงวดกว่า เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การประเมินความเสี่ยง และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล (DPO) ในบางกรณี[2][4][6].

บทลงโทษ: ใครเข้มงวดกว่ากัน?

  • GDPR มีโทษปรับสูงสุดถึง 20 ล้านยูโร หรือ 4% ของรายได้ทั่วโลกขององค์กร (แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า)
  • PDPA มีโทษทั้งทางแพ่ง อาญา และปกครอง โดยโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือชดใช้ไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหาย และจำคุกไม่เกิน 1 ปี[11][2].
4

ธุรกิจออนไลน์ควรเลือกใช้กฎหมายไหน?

หากธุรกิจของคุณมีลูกค้าหรือผู้ใช้บริการที่เป็นพลเมือง EU หรือมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานจาก EU ต้องปฏิบัติตาม GDPR ด้วย นอกเหนือจาก PDPA ที่บังคับใช้ในประเทศไทย เพราะการดำเนินธุรกิจออนไลน์ข้ามประเทศเป็นเรื่องปกติในยุคนี้ และการปฏิบัติตามกฎหมายทั้งสองจะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า[11][6].

สรุป

  • GDPR และ PDPA มีเป้าหมายหลักเหมือนกัน คือ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่รายละเอียดและความเข้มงวดแตกต่างกัน
  • GDPR มีมาตรฐานสูงกว่าในหลายด้าน และบังคับใช้อย่างครอบคลุมทั่วโลก
  • PDPA เน้นการคุ้มครองข้อมูลในประเทศไทย และอาจยืดหยุ่นมากกว่าในบางประเด็น
  • ธุรกิจออนไลน์ควรเตรียมพร้อมและปฏิบัติตามทั้งสองกฎหมาย หากมีลูกค้าต่างประเทศหรือมีการเก็บข้อมูลข้ามประเทศ

สรุปท้ายบท

GDPR และ PDPA ต่างเป็นกฎหมายสำคัญสำหรับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล แม้จะมีจุดร่วมในหลักการ แต่รายละเอียดและความเข้มงวดแตกต่างกัน ธุรกิจออนไลน์ควรศึกษาและปฏิบัติตามให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและขอบเขตการดำเนินงาน เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ

#GDPR #PDPA #ข้อมูลส่วนบุคคล #กฎหมายคุ้มครองข้อมูล #ธุรกิจออนไลน์ #ความปลอดภัยข้อมูล #DataProtection #PrivacyLaw

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า