ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
135

ทำไมเจ้าของเว็บไซต์ต้องใส่ใจกับกฎหมาย PDPA? และต้องปรับตัวอย่างไรเมื่อมีการบังคับใช้

ในโลกยุคดิจิทัลที่ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญ การบังคับใช้กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทย ได้สร้างความตื่นตัวให้กับเจ้าของเว็บไซต์และผู้ประกอบการออนไลน์อย่างมาก กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจออนไลน์ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ บทความนี้จะพาทุกท่านเจาะลึกถึงสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องรู้และปฏิบัติเพื่อไม่ให้ละเมิดกฎหมาย PDPA

2

PDPA คืออะไร และทำไมถึงสำคัญสำหรับเจ้าของเว็บไซต์?

PDPA หรือ Personal Data Protection Act คือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อปกป้องการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ยินยอม กฎหมายนี้ครอบคลุมทั้งข้อมูลในรูปแบบเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ กฎหมายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่มีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนสมาชิก การกรอกแบบฟอร์มติดต่อ หรือแม้แต่การใช้คุกกี้เพื่อติดตามพฤติกรรมการใช้งาน หากละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายนี้ อาจนำมาซึ่งบทลงโทษทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง

เราคงจำกรณีตัวอย่างของบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่ถูกฟ้องร้องและตรวจสอบ หลังพบว่ามีการขายข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านบัญชีให้กับบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการเมือง ซึ่งบริษัทดังกล่าวต้องจ่ายค่าปรับมหาศาลถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 155,000 ล้านบาท) และยังต้องแต่งตั้งคณะกรรมการมาดูแลนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานโดยเฉพาะ

อะไรบ้างที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมาย PDPA?

กฎหมาย PDPA ได้ให้คำนิยามของข้อมูลส่วนบุคคลไว้อย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป ประกอบด้วย:

  • ชื่อ นามสกุล
  • ที่อยู่
  • เบอร์โทรศัพท์
  • วันเกิด
  • อาชีพและประวัติการศึกษา
  • รูปถ่าย
  • ลายนิ้วมือ
  • เลขบัตรประจำตัวประชาชน บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม และบัญชีธนาคาร

ส่วนข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ ได้แก่:

  • ข้อมูลสุขภาพ
  • ข้อมูลการเงิน
  • ข้อมูลพันธุกรรม
  • ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ
  • รสนิยมทางเพศ
  • ประวัติอาชญากรรม

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้มีสิทธิ์ในการขอรับข้อมูล เข้าถึง แก้ไข โอนย้าย ระงับ หรือถอนความยินยอมในการใช้ข้อมูลได้ตลอดเวลา รวมถึงมีสิทธิ์ร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของตนด้วย

3

เจ้าของเว็บไซต์ต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA?

1. เปิดแถบแจ้งเก็บ Cookie บนเว็บไซต์

การเปิดแถบแจ้งเตือนการใช้คุกกี้ (Cookie Consent) เป็นสิ่งแรกที่เจ้าของเว็บไซต์ควรทำ คุกกี้คือไฟล์เล็กๆ ที่เว็บไซต์สร้างขึ้นเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้เข้าชม ซึ่งช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์สะดวกและรวดเร็วขึ้น เช่น จดจำการล็อกอิน หรือข้อมูลที่เคยกรอก

แต่การใช้คุกกี้ก็เป็นการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน เว็บไซต์จึงต้องมีการขออนุญาตก่อน โดยอาจแสดงในรูปแบบป็อปอัปหรือแถบแจ้งเตือนด้านล่างของเว็บไซต์ ผู้ใช้งานต้องสามารถเลือกได้ว่าจะยินยอมหรือปฏิเสธการใช้คุกกี้นั้น การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์อีกด้วย

2. แสดงนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ให้ชัดเจน

Privacy Policy หรือนโยบายความเป็นส่วนตัว เป็นเอกสารสำคัญที่ต้องมีบนเว็บไซต์ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบถึงรายละเอียดการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งควรมีรายละเอียดดังนี้:

  • เว็บไซต์มีการจัดเก็บข้อมูลอะไรบ้าง
  • เว็บไซต์มีการจัดเก็บข้อมูลเมื่อไหร่
  • เว็บไซต์เก็บข้อมูลไว้ที่ไหน และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร
  • เว็บไซต์เก็บข้อมูลไว้นานแค่ไหน
  • เจ้าของเว็บไซต์จะนำข้อมูลไปใช้ทำอะไร
  • รายละเอียดการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์
  • การปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว
  • วิธีการติดต่อและขอลบข้อมูล

หน้า Privacy Policy มักจะแสดงเป็นหนึ่งเพจบนเว็บไซต์ หรืออาจเป็นป็อปอัปที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้จากการคลิกที่ลิงก์ในแถบแจ้งเตือนคุกกี้

3. ขอความยินยอมก่อนแสดงข้อมูลลูกค้าบนเว็บไซต์

ธุรกิจออนไลน์มักนิยมแสดงคำรีวิวหรือบทความแนะนำจากลูกค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจมีการใช้ชื่อ รูปภาพ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ของลูกค้า ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านี้มาแสดงบนเว็บไซต์ เจ้าของเว็บไซต์ต้องขออนุญาตจากลูกค้าก่อน โดยระบุให้ชัดเจนว่าจะนำข้อมูลไปใช้ที่ไหนบ้าง

บางคนอาจยินยอมให้แสดงบนเว็บไซต์ แต่ไม่ต้องการให้เผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย การขอความยินยอมจึงต้องระบุขอบเขตการใช้งานให้ชัดเจน

4. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ประกอบการออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการโพสต์รูปหรือวิดีโอที่อาจมีข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าปรากฏอยู่ เช่น การถ่ายรูปกล่องพัสดุที่มีชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า

ควรหลีกเลี่ยงการเผยแพร่รูปกล่องพัสดุหรือเอกสารที่แสดงเลข Tracking แบบสาธารณะ หากจำเป็นต้องแสดง ให้ลบหรือปิดบังข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าก่อนเสมอ

5. แจ้งเตือนทันทีเมื่อเกิดการรั่วไหลของข้อมูล

หากเกิดเหตุการณ์ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล เช่น เว็บไซต์ถูกแฮก หรือมีการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าของเว็บไซต์มีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเร็ว (ในกรณีที่ข้อมูลมีความเสี่ยงสูง)

นอกจากนี้ ยังต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบด้วย โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ:

  • จำนวนและประเภทของข้อมูลที่รั่วไหล
  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • มาตรการที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา
4

บทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA

การละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA อาจนำมาซึ่งบทลงโทษที่รุนแรง ดังนี้:

โทษทางปกครอง

บทลงโทษทางปกครองสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA มีอัตราค่าปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาท ในบางกรณี คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาจพิจารณาให้มีการตักเตือนหรือสั่งให้แก้ไขก่อนดำเนินการลงโทษ

โทษทางอาญา

ในกรณีที่มีการกระทำความผิดร้ายแรง อาจมีโทษทางอาญา ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โทษทางแพ่ง

นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ ซึ่งศาลอาจสั่งให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมได้อีกด้วย

ทำไมการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA จึงสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์?

การปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกหลายประการ:

สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

การมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนและการให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ลูกค้าจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการให้ข้อมูลส่วนตัวกับเว็บไซต์ของคุณ

ลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูล

การปฏิบัติตามมาตรฐานของกฎหมาย PDPA ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสียหายทั้งทางการเงินและชื่อเสียงของธุรกิจ

เป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล

กฎหมาย PDPA มีรูปแบบคล้ายคลึงกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศ เช่น GDPR ของสหภาพยุโรป การปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA จึงเป็นการยกระดับธุรกิจให้ได้มาตรฐานสากล

5

วิธีปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA

หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์หรือธุรกิจออนไลน์ ต่อไปนี้คือวิธีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA:

1. สำรวจและจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่เก็บรวบรวม

เริ่มต้นด้วยการสำรวจว่าเว็บไซต์ของคุณมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง และแบ่งประเภทของข้อมูลเหล่านั้น เพื่อกำหนดมาตรการในการคุ้มครองที่เหมาะสม

2. สร้างนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ครอบคลุมและเข้าใจง่าย โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูล

3. ติดตั้งระบบขอความยินยอมในการใช้คุกกี้

เพิ่มระบบแจ้งเตือนและขอความยินยอมในการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ โดยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะยินยอมให้เก็บข้อมูลผ่านคุกกี้หรือไม่

4. ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย

เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การใช้ SSL certificate การกำหนดนโยบายรหัสผ่านที่รัดกุม และการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

5. จัดทำแผนรับมือกรณีข้อมูลรั่วไหล

เตรียมพร้อมแผนรับมือกรณีเกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล โดยกำหนดขั้นตอนและผู้รับผิดชอบในการแจ้งเหตุให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าของข้อมูลทราบ

สรุป

กฎหมาย PDPA เป็นสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์และธุรกิจออนไลน์ไม่ควรมองข้าม การปฏิบัติตามกฎหมายนี้ไม่เพียงช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและเพิ่มความไว้วางใจจากลูกค้าอีกด้วย

เริ่มต้นด้วยการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA จากนั้นดำเนินการปรับปรุงเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว การติดตั้งระบบขอความยินยอมในการใช้คุกกี้ หรือการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย

ในยุคที่ข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ การให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและใส่ใจในสิทธิของลูกค้าอย่างแท้จริง

#PDPA #กฎหมายคุ้มครองข้อมูล #ความเป็นส่วนตัว #เว็บไซต์ #ธุรกิจออนไลน์ #ความปลอดภัยข้อมูล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า