Inbound Marketing คืออะไร? Inbound Marketing สามารถแปลตรงตัวได้ว่า “การตลาดแบบแรงดึงดูด” ซึ่งการตลาดลักษณะนี้จะมีแนวคิดที่สวนทางกับการตลาดลักษณะเก่านั่นก็คือ Outbound Marketing ซึ่งลักษณะจะเป็นรูปแบบที่แปลนสื่อสารหากลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าในทางเดียว เช่น การโฆษณา ทำโปรโมชั่น และสื่อสารข้อมูลต่างๆ ไปยังลูกค้า แต่ปัจจุบันนี้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และ Social Media ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายก็สามารถค้นหาข้อมูล และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าจะเชื่อ และรับข้อมูลใดมาใช้ ดังนั้น วิธีการทำการตลาดออนไลน์ จึงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีออกไป
Inbound Marketing เป็นเทคนิคที่เน้นการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี และเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเปลี่ยนคนทั่วไปให้กลายเป็นลูกค้าของเราได้ ดังนั้น กระบวนการ และเครื่องมือต่างๆ ต้องได้รับการคิดวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้ว จึงสามารถทำ Inbound Marketing ได้ประสบความสำเร็จ และอีกอย่างที่สำคัญในการทำ Inbound Marketing คือการทำ Content เพราะหัวใจหลักในการตลาดรูปแบบนี้ และเราขอนำทุกคนไปดูลำดับขั้นตอนของ Inbound Marketing ที่เรียกว่า ดึง – คัด – จับ – เปลี่ยน กันครับ
Attract – ดึงดูด
ตามความหมายของ Inbound Marketing คือ การตลาดที่ดึงดูดคนเข้ามาหาเรา ดังนั้นขั้นแรกสุดจะต้องเปลี่ยนจากคนธรรมดากลายมาเป็นผู้ชมของเราซะก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้มักจะใช้วิธีการทำ Search Engine Optimization (SEO) เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับที่ดีบนหน้า Google เพื่อให้แสดงผลการค้นหาขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ในหน้าแรก และทำให้ Google รับรู้ว่าหน้าเว็บของเรานั้น เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ดังนั้น การทำหน้าเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และตรงตามข้อกำหนดต่างๆ ของหลักการ SEO จึงเป็นเรื่องสำคัญในการตลาดรูปแบบนี้ นอกจากนั้นยังจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของ Keyword และการสร้าง Content ที่มี Keyword ให้เหมาะสมกับธุรกิจ โดยจะต้องรวบรวม Keyword ที่มีคนค้นหามากที่สุด และสามารถสืบมาถึง สินค้า และบริการของเราได้ โดย Content นั้นนอกจากจะต้องบรรจุ Keyword เอาไว้ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว ยังจะต้องเป็น Content ที่มีคุณภาพ และน่าสนใจสำหรับผู้เข้ามาชมด้วย
Convert – คัดกรอง
ตอนการคัดกรองจะเป็นขั้นตอนที่เปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นผู้ที่เริ่มสนใจ และคาดหวัง โดยการขอให้ผู้ที่เข้ามาชมนั้นมี Action บางอย่างกับเรา เช่น การตอบแบบสอบถาม หรือการกรอกข้อมูล โดยที่เราจะต้องมีข้อเสนอบางอย่าง และเปลี่ยนกับกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยถ้าหากตอบแบบสอบถามจะได้รางวัล หรือส่วนลดพิเศษ ซึ่งในจุดนี้จะทำให้ทราบได้ว่ากลุ่มที่ทำ Call To Action ให้กับเราเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในแบรนด์ และสินค้าของเราจริงๆ และคาดหวังได้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นลูกค้าในอนาคตของเรา
Close – จับเป้าหมาย
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะเปลี่ยนให้ผู้ที่สนใจมาเป็นลูกค้าของเรา หลังจากที่เราได้ข้อมูลลูกค้ากลุ่มที่เป็นผู้สนใจแล้ว ควรต้องสร้าง Content หรืออีเมลที่สามารถนำเสนอเนื้อหาพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ส่วนมากจะใช้เป็นการนำเสนอสิทธิพิเศษ หรือโปรโมชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้โดยตรง ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ถ้าสิ่งที่นำเสนอตรงกับความต้องการของลูกค้าที่สนใจอยู่ พวกเขาก็จะกลายมาเป็นลูกค้าของเรา และสามารถปิดการขายได้ในที่สุด
Delight – เปลี่ยนลูกค้าเป็นกระบอกเสียง
หลังจากปิดการขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ถือว่าเราได้ลูกค้าเพิ่ม แต่จะยังไม่หยุดเพียงแค่ขั้นตอนการปิดการขาย เพราะเราสามารถเปลี่ยนลูกค้าเป็นกระบอกเสียงที่สามารถส่ง Key Message โน้มน้าวคนจำนวนมาก ให้มาเป็นลูกค้าของเราได้มากขึ้น ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องทำการขอให้ลูกค้าช่วยแชร์ Content ที่เป็นประโยชน์ หรือทำการรีวิวสินค้า และบริการต่างๆ ของเรา รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ เกิดการบอกต่อ หรือกระแสแบบปากต่อปาก ซึ่งเป็นการโปรโมทที่ดี และทรงพลังมากที่สุดในการทำธุรกิจเลยทีเดียว
และทั้ง 4 ข้อนี้ก็เป็นหลักการทำ Inbound Marketing ที่ผู้ประกอบการทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการ ทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งจัดได้ว่าเหมาะสมกับยุคนี้เป็นอย่างมาก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้จะสามารถนำไปใช้งานกับธุรกิจ เพื่อให้สามารถดึงดูดลูกค้า และเปลี่ยนลูกค้าจากคนทั่วไปเป็นลูกค้าของเราได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ