ในปัจจุบันการใช้ Google เพื่อค้นหาข้อมูลของคำ และประโยคต่างๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตไปแล้ว ด้วยความสะดวกสบาย Google ได้เข้ามาทดแทนการหาข้อมูลในห้องสมุด ที่หาง่ายรวดเร็ว และไม่ต้องออกเดินทางไปไหน นอกจากหาข้อมูล หรือความหมายต่างๆ ได้แล้วยังสามารถหารูปภาพวิดีโอ และลิงค์ไปยังช่องทางอื่นๆ ได้อีกมากมาย แต่นอกจากประโยชน์ในการหาข้อมูลเหล่านี้ Google หรือ Search Engine ต่างๆ ยังมีประโยชน์ในการทำธุรกิจได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายเว็บไซต์ที่น่าสนใจ ในวันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก Search Engine และวิธีการใช้งานให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจของคุณกันครับ
ทำความรู้จักกับ Search Engine
Search Engine คือเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้วิธีการพิมพ์คำ หรือประโยคเพื่อการค้นข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต โดยผลที่ได้จะมีทั้ง ข้อมูลตัวหนังสือ รูปภาพ วิดีโอ แผนที่ และการลิงค์ไปยังแหล่งข้อมูลต่างๆ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ Search Engine เจ้าต่างๆ ก็จะมี Algorithm ในการจัดลำดับการค้นหา เพื่อโชว์ให้แก่ผู้ค้นหาได้เห็น Search Engine ที่ดังที่สุด ก็คงจะเป็น Google ซึ่งมีผู้นิยมใช้มากที่สุด ซึ่งผลที่ได้จากการค้นหาก็ค่อนข้างจะมีมากที่สุดเช่นกัน
Search Engine ทำงานอย่างไร?
ถึงแม้ว่าในตลาดตอนนี้จะมีโปรแกรม Search Engine ด้วยกันหลายเจ้า แต่ทุกๆ เจ้าก็จะมีหลักการทำงานพื้นฐานที่คล้ายคลึงกันกันอยู่ 3 ขั้นตอน คือ การเก็บ รวบรวมข้อมูล (Crawling), การจัดทำดัชนี (Indexing), การจัดลำดับผลลัพธ์ (Ranking) ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ
การเก็บ รวบรวมข้อมูล (Crawling)
ก่อนที่ Google จะมีข้อมูลมาเพื่อให้เราค้นหาตัว Google เอง ก็จำเป็นจะต้องรวบรวมข้อมูลเสียก่อน เคยสงสัยไหมว่า Google ใช้วิธีไหนในการรวบรวมข้อมูลมาได้เยอะขนาดนี้? คำตอบก็คือ มีการใช้โปรแกรมที่เรียกว่า Web Crawlers ที่บางคนอาจจะเรียกว่า Spider หรือ Bot นั่นเอง ซึ่ง Web Crawlers เหล่านี้จะติดตามไปยังลิงค์ของเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ ทั้งรูปภาพ วิดีโอ ข้อมูลตัวอักษร และเมื่อเจอเว็บไซต์ใหม่ ก็จะทำการสแกน และส่งข้อมูลกลับมาที่ฐานข้อมูลของ Google เพื่อที่จะจัดทำเป็นดัชนี และค้นหาติดตามไปยังหน้าเว็บใหม่ๆ ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันเน็ตเหนื่อย
การจัดทำดัชนี (Indexing)
หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดโดยการสแกน และเซฟรูปกลับมาที่ฐานข้อมูลแล้วขั้นตอนถัดไปนั่นก็คือ การจัดทำดัชนีหรือว่า Indexing ซึ่งมีขั้นตอนที่จำเป็นจะต้องตรวจสอบจัดเรียงแล้วก็เรียบเรียงข้อมูลเว็บไซต์บนฐานข้อมูลหลัก เหมือนเมื่อเก็บข้อมูลมาแล้วก็ต้องนำมาจัดเรียงเอาไว้ในห้องสมุด หรือที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งใช้เก็บข้อมูลเว็บไซต์ และข้อมูลทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตบนโลกใบนี้ ซึ่งถ้าเราเป็นเจ้าของ Website เราก็อยากจะให้เว็บไซต์ของเราถูกเก็บข้อมูล เพื่อนำไปจัดทำดัชนีด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากนั้นเว็บไซต์ของเราก็จะมีโอกาสถูกนำไปแสดงบนอันดับต้นๆ ของ Search Engine ที่เมื่อเวลามีคนมาค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง ก็จะสามารถเจอเว็บไซต์ของเรา และกดเข้ามาดูได้ครับ
มีวิธีที่จะทำให้บอทเข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเรา พร้อมทำดัชนีได้ทันทีด้วยเครื่องมือ Google Search Console และถ้าอยากรู้ว่า Google มาตรวจสอบ และทำดัชนีเว็บไซต์ของเรา หรือยังสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ด้วยการพิมพ์ “site:domain.com” ลงในช่อง Search ของ Google
การจัดลำดับผลลัพธ์ (Ranking)
และในขั้นตอนสุดท้าย Search Engine ก็จะต้องนำข้อมูลมาจัดเรียง เพื่อเตรียมให้เราค้นหา ซึ่งหลักการการจัดเรียงของ Search Engine แต่ละเจ้านั้นก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนมากนัก แต่ถึงแม้ว่า Search Engine จะไม่ได้ประกาศออกมาว่า ใช้วิธีใดในการจัดอันดับ แต่นักการตลาดออนไลน์ก็พยายามศึกษาว่าจะต้องทำอย่างไร ให้เว็บไซต์ขึ้นไปติดอันดับต้นๆ บน Search Engine ได้ โดยการศึกษาอัลกอริทึมของ Search Engine จนได้มาซึ่งวิธีการทำ Search Engine Optimization หรือว่า SEO นั่นเอง
โดยปกติแล้วคนที่เข้ามาหาข้อมูลมักมีความต้องการ หรือมีปัญหาบางอย่างที่ต้องการจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Search Engine เหล่านี้รวมไปถึงสินค้า และบริการด้วย เพื่อให้ธุรกิจเราอยู่เป็นอันดับแรกๆ ในหน้า Search Engine ก็จะทำให้มีโอกาสดีๆ มากขึ้น ที่ลูกค้าจะเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา และสามารถปิดการขายได้ ดังนั้นเราควรจะศึกษาการทำงานของ Search Engine และวิธีการนำเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นไปอยู่บนอันดับต้นๆ ของ Search Engine เหล่านี้นั่นเองครับ