
ทำไมคนยุคใหม่นิยมเลี้ยงสัตว์แบบ Pet Parent กันมากขึ้น?
ในยุคปัจจุบัน เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมที่มองสัตว์เลี้ยงเป็นเพียงสัตว์ที่อยู่ในบ้าน กลายเป็นการเลี้ยงดูแบบ “Pet Parent” ที่เลี้ยงสัตว์เสมือนเป็นลูกหรือสมาชิกในครอบครัว พร้อมทุ่มเททั้งเงินทองและเวลาในการดูแล ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างก้าวกระโดด เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ มากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่าทาสสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ มาทำความเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมเทรนด์นี้ถึงได้รับความนิยมและส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร

Pet Parent คืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นเทรนด์ที่คนทั่วโลกนิยม
Pet Parent คือผู้เลี้ยงสัตว์ที่มอบความรักและความใส่ใจให้กับสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือเหมือนลูกของตนเอง ไม่เพียงแค่ดูแลในเรื่องพื้นฐานอย่างสุขภาพ โภชนาการ และการออกกำลังกาย แต่ยังใส่ใจพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงทุกด้าน ตั้งแต่เลือกอาหารที่มีคุณภาพ ใช้บริการดูแลเฉพาะทาง เช่น อาบน้ำ ตัดขน หรือการรักษาพยาบาล ไปจนถึงการเลือกซื้อของเล่นหรืออุปกรณ์เสริมที่ช่วยสร้างความสุขและพัฒนาการให้กับสัตว์เลี้ยง
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ Pet Parent กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมีหลายประการ:
- ความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่ายและเวลา การเป็น Pet Parent สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ทั้งค่าอาหาร ค่าดูแล และค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องวางแผนระยะยาว สามารถทำงาน ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยมีทางเลือกในการฝากเลี้ยงกับโรงพยาบาลสัตว์หรือสถานที่รับเลี้ยง
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างครอบครัว การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเดี่ยวและคนโสด ประกอบกับแนวโน้มการมีลูกน้อยลง ส่งผลให้ผู้คนมองหาสัตว์เลี้ยงมาเติมเต็มชีวิต
- ประโยชน์ทางจิตใจ สัตว์เลี้ยงสามารถช่วยบำบัดความเครียดและความวิตกกังวล เป็นเพื่อนคลายเหงา และสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตเท่าไร? ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ
ตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วโลกและในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว จากการคาดการณ์พบว่า:
- ในปี 2026 ตลาดสัตว์เลี้ยงทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 217,651 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2% (2021-2026)
- สำหรับประเทศไทย มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 75,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ไปจนถึงปี 2569 ซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท
- ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาด รองลงมาคือธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและบริการต่างๆ
จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์ Pet Parent เป็นกระแสที่ต่อยอดธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าเติบโตแบบก้าวกระโดด

ประเภทของ Pet Parent มีรูปแบบไหนบ้าง?
จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้เลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย สามารถแบ่งกลุ่ม Pet Parent ได้เป็น 3 ประเภทหลัก:
- Pet Parent (เลี้ยงเพื่อเป็นลูก) – 49%
คนกลุ่มนี้มองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว มีสถานะเทียบเท่ากับลูก พร้อมทุ่มเททั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง - Pet Prestige (เลี้ยงเพื่อสถานะทางสังคม) – 33%
กลุ่มนี้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อแสดงถึงสถานะทางสังคม มักเลือกสัตว์เลี้ยงพันธุ์หายากหรือราคาแพง รวมถึงซื้ออุปกรณ์และเครื่องประดับที่มีราคาสูง - Pet Healing (เลี้ยงเพื่อช่วยเหลือ/บำบัดรักษา) – 18%
คนกลุ่มนี้เลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยบำบัดจิตใจ คลายเครียด คลายเหงา หรือช่วยในการบำบัดรักษาโรคบางชนิด เช่น ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล
นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่าคนไทยมากกว่า 65% เลี้ยงสัตว์เหมือนลูกหรือเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัว 33% เลี้ยงไว้คลายเหงา และ 2% เลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยฮีลใจ

ประเภทสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยม ไม่ได้มีแค่สุนัขและแมว
แม้สุนัขและแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม แต่เทรนด์การเลี้ยงสัตว์แปลก (Exotic Pet) ก็เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ประเภทต่างๆ มีดังนี้:
- สุนัข: 40.4%
- แมว: 37.1%
- สัตว์ประเภท Exotic: 22.6%
สัตว์ประเภท Exotic สามารถแบ่งได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่:
- กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน เช่น อีกัวน่า กิ้งก่า งู
- กลุ่มสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ ซาลาแมนเดอร์
- กลุ่มสัตว์ปีก เช่น นกแก้ว นกฟินซ์
- กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น กระต่าย แฮมสเตอร์ ชูการ์ไกลเดอร์
- กลุ่มสัตว์น้ำ เช่น ปลาสวยงาม กุ้ง ปู
- กลุ่มแมลง เช่น แมงปอ ผึ้ง แมลงปีกแข็ง
การเลี้ยงสัตว์แปลกเหล่านี้มักเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความแตกต่างและความท้าทายในการดูแล

ธุรกิจที่เกิดขึ้นจากกระแส Pet Parent มีอะไรบ้าง?
เทรนด์ Pet Parent ได้ส่งผลให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ มากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ได้แก่:
- อาหารและขนมคุณภาพสูง: เจ้าของสัตว์เลี้ยงพร้อมจ่ายเงินเพื่อซื้ออาหารที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการพูดถึงมากที่สุดถึง 49%
- โรงพยาบาลและคลินิกรักษาสัตว์: ธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ได้รับความสนใจมากเป็นอันดับสอง โดยมีการกล่าวถึง 36%
- ธุรกิจดูแลสุขภาพและความงาม (Pet Wellness): รวมถึงบริการสปา อาบน้ำ ตัดขน ฝึกสอน และบริการเสริมอื่นๆ มีการพูดถึง 7%
- อุปกรณ์เสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง: เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ มีการกล่าวถึง 5%
- ฟาร์มและสถานเพาะพันธุ์: ธุรกิจฟาร์มสัตว์มีการพูดถึง 2%
- บริการหลังการเสียชีวิต (After Death Service): บริการจัดการศพสัตว์เลี้ยงหลังเสียชีวิต เช่น ปั้นรูปสุนัข ทำสร้อยล็อกเก็ตแทนใจ หรือตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงเหมือนจริง
- บริการพื้นที่ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง: โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ (Pet-friendly)
- กิจกรรมและบริการเฉพาะทาง: เช่น Puppy Yoga ที่ผสมผสานการออกกำลังกายกับการมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยง
- เทคโนโลยีสำหรับสัตว์เลี้ยง: แอปพลิเคชัน อุปกรณ์ติดตาม และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยในการดูแลสัตว์เลี้ยง
- ประกันสัตว์เลี้ยง: บริการที่ช่วยรับประกันค่ารักษาพยาบาลและการดูแลสัตว์เลี้ยง
จากการสำรวจยังพบว่า 39.3% ของผู้เลี้ยงสัตว์พร้อมที่จะใช้จ่ายเฉลี่ย 10,000-20,000 บาทต่อปีต่อตัว โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีในการดูแลสุนัขหรือแมวอยู่ที่ประมาณ 14,200 บาท

Pet Influencer: เทรนด์การตลาดที่มาพร้อมกับ Pet Parent
อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเทรนด์ Pet Parent คือการเกิดขึ้นของ Pet Influencer หรือสัตว์เลี้ยงที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ เป็นนักสร้างคอนเทนต์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และสามารถสร้างรายได้จากการโปรโมทสินค้าและบริการต่างๆ
สาเหตุที่ทำให้ Pet Influencer ได้รับความนิยม:
- ความน่ารักเป็นธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงสามารถเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมได้ง่าย
- การใช้สัตว์เลี้ยงในการสื่อสารทางการตลาดช่วยให้แบรนด์ดูเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายมากขึ้น
- คอนเทนต์สัตว์เลี้ยงสามารถเพิ่มยอดเอนเกจเมนต์ได้ถึง 63%
- การตัดสินใจซื้อของคนส่วนใหญ่มักถูกขับเคลื่อนด้วย “อารมณ์” มากกว่า “เหตุผล” สูงถึง 95% ซึ่งคอนเทนต์สัตว์เลี้ยงเล่นกับอารมณ์ของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี
ประเภทของคอนเทนต์สัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยม:
- วิดีโอสั้น: คลิปโมเมนต์น่ารักๆ ของสัตว์เลี้ยงบนแพลตฟอร์มต่างๆ
- รูปภาพ: ภาพถ่ายน่ารักๆ ที่สามารถสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้ชม
- บล็อก: การเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงผ่านบทความหรือบล็อก
- คอนเทนต์ให้ความรู้: เช่น การแนะนำวิธีดูแลสัตว์ สูตรอาหาร หรือสาระน่ารู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

เทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยงในยุค Pet Parent
เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่า Pet Parent มากขึ้น โดยมีการพัฒนาสินค้าและบริการต่างๆ ดังนี้:
- อุปกรณ์ติดตามสัตว์เลี้ยง (Pet Tracker): ใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อติดตามตำแหน่งของสัตว์เลี้ยงแบบเรียลไทม์
- แอปพลิเคชันดูแลสัตว์เลี้ยง: ช่วยจัดการตารางการให้อาหาร การทำวัคซีน และการนัดหมายกับสัตวแพทย์
- อุปกรณ์ให้อาหารอัตโนมัติ: ช่วยให้สัตว์เลี้ยงได้รับอาหารตามเวลาและปริมาณที่เหมาะสม แม้เจ้าของจะไม่อยู่บ้าน
- กล้องวงจรปิดสำหรับสัตว์เลี้ยง: ช่วยให้เจ้าของสามารถดูแลและพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงได้แม้จะไม่อยู่ด้วยกัน
- โรงพยาบาลสัตว์ออนไลน์: บริการปรึกษาสัตวแพทย์ผ่านวิดีโอคอลหรือแชท เพื่อความสะดวกในกรณีฉุกเฉินหรือปัญหาทั่วไป
- เทคโนโลยีด้านสุขภาพ: อุปกรณ์ติดตามสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เช่น การนับก้าว การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการติดตามคุณภาพการนอน
- แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับสัตว์เลี้ยง: ชุมชนออนไลน์สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูล

แนวโน้มของเทรนด์ Pet Parent ในอนาคต
เทรนด์ Pet Parent มีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาต่อไปในอนาคต โดยมีการคาดการณ์แนวโน้มสำคัญ ดังนี้:
- การขยายตัวของตลาด Pet-friendly: โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะปรับตัวเพื่อรองรับกลุ่ม Pet Parent มากขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าการท่องเที่ยวกับสัตว์เลี้ยงทำให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 20% ต่อทริป
- นวัตกรรมด้านอาหารและสุขภาพ: อาหารสัตว์เลี้ยงจะมีการพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของสัตว์แต่ละตัว เช่น อาหารเฉพาะโรค อาหารตามความต้องการทางโภชนาการ
- การเติบโตของบริการด้านความงามและสุขภาพ: ธุรกิจสปาสัตว์เลี้ยง ฟิตเนสสำหรับสัตว์เลี้ยง และบริการดูแลสุขภาพจะเติบโตมากขึ้น
- การผสมผสานเทคโนโลยี: การใช้ AI และ IoT ในการดูแลสัตว์เลี้ยงจะมีบทบาทมากขึ้น เช่น ระบบบ้านอัจฉริยะสำหรับสัตว์เลี้ยง
- การขยายตัวของตลาด Pet Insurance: ประกันสัตว์เลี้ยงจะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลสัตว์ที่สูงขึ้น
- ความยั่งยืนในธุรกิจสัตว์เลี้ยง: ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะได้รับความสนใจมากขึ้น
- การขยายตัวของตลาด Exotic Pet: สัตว์เลี้ยงแปลกหรือหายากจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่
สรุป
เทรนด์ Pet Parent ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ทำให้เกิดการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงอย่างก้าวกระโดด มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่
จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คนที่เลือกเลี้ยงสัตว์เสมือนลูก ทุ่มเทเวลาและงบประมาณให้กับการดูแลสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเติบโตต่อไปในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์ บริการดูแลความงาม ของเล่น อุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือแม้แต่ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ล้วนได้รับอานิสงส์จากเทรนด์ Pet Parent ทั้งสิ้น และในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีกำลังซื้อสูงเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
#PetParent #ทาสหมา #ทาสแมว #ธุรกิจสัตว์เลี้ยง #PetInfluencer #ExoticPet #PetFriendly #PetWellness #PetInsurance #PetTech