ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
132

ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่ติดอันดับหน้าแรก Google? พร้อมวิธีแก้ไขที่ได้ผลจริง

การมีเว็บไซต์ที่สวยงามเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ หากเว็บไซต์ของคุณไม่ปรากฏในหน้าแรกของ Google คุณกำลังพลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่มักจะไม่คลิกไปยังหน้าที่สองของผลการค้นหา บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับหน้าแรก Google พร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

2

เว็บไซต์ใหม่หรือเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง: ต้องรอนานแค่ไหนกว่า Google จะจัดอันดับ?

เหตุผลแรกที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณอาจไม่ปรากฏในหน้าแรกของ Google คือเว็บไซต์อาจเพิ่งสร้างขึ้นใหม่หรือเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ Google ต้องใช้เวลาในการประมวลผลและจัดอันดับเว็บไซต์ใหม่

สำหรับเว็บไซต์ที่เพิ่งสร้างใหม่ คุณอาจต้องรอประมาณ 1-3 เดือนกว่าที่ Google จะทำการรวบรวมข้อมูล (crawling) และจัดทำดัชนี (indexing) เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ GoogleBot ต้องทำการสำรวจและเก็บข้อมูลจากหน้าเว็บต่างๆ ก่อนที่จะนำมาจัดอันดับในผลการค้นหา

อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเร่งกระบวนการนี้ได้โดยส่ง Sitemap ของเว็บไซต์ไปยัง Google Search Console ซึ่งจะช่วยให้ Google รับรู้ถึงโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้เร็วขึ้น วิธีนี้อาจช่วยลดระยะเวลารอคอยลงเหลือเพียงประมาณ 1 สัปดาห์

นอกจากนี้ หากคุณมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้น (SEO) ต้องเข้าใจว่าผลลัพธ์จะไม่เกิดขึ้นทันที การทำ SEO เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ต้องอาศัยความพยายามและความอดทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการปรับแต่งทางเทคนิคเบื้องหลัง

3

เหตุใดเนื้อหาของคุณถึงไม่ติดอันดับ? ความลับของ Search Intent ที่คุณอาจมองข้าม

ปัญหาที่พบบ่อยอีกประการหนึ่งคือการสร้างเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการในการค้นหาของผู้ใช้ (Search Intent) การเข้าใจ Search Intent เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหา

Search Intent แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

  1. เชิงข้อมูล (Informational) – ผู้ใช้ต้องการค้นหาข้อมูลหรือคำตอบสำหรับคำถามต่างๆ เช่น “อาหารไทยมีกี่ประเภท” หรือ “วิธีทำความสะอาดคีย์บอร์ด” การเขียนบทความให้ความรู้ที่ตอบโจทย์คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงสำหรับคำค้นหาประเภทนี้
  2. เชิงการนำทาง (Navigational) – ผู้ใช้ต้องการค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะ เช่น “facebook login” หรือ “youtube” การปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีชื่อแบรนด์ที่ชัดเจนและง่ายต่อการจดจำจะช่วยในกรณีนี้
  3. เชิงพาณิชย์ (Commercial) – ผู้ใช้กำลังค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น “รีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่” หรือ “เปรียบเทียบแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต” การสร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเปรียบเทียบหรือรีวิวสินค้าจะตอบโจทย์ความต้องการนี้
  4. เชิงการแปลผัน (Transactional) – ผู้ใช้พร้อมที่จะซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เช่น “ซื้อโน้ตบุ๊กรุ่น XX” หรือ “จองห้องพักโรงแรม” การออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้มีปุ่มเรียกให้ดำเนินการ (Call to Action) ที่ชัดเจนและกระบวนการซื้อที่ง่ายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

การสร้างเนื้อหาที่ไม่มีคุณค่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่ออันดับของเว็บไซต์ เนื้อหาที่มีคุณค่าหมายถึงเนื้อหาที่มีประโยชน์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่าน และให้ข้อมูลที่ครบถ้วน ไม่ใช่เพียงแค่เขียนเพื่อยัดเยียดคีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing) ซึ่ง Google อาจมองว่าเป็นการสแปมและส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ตกลง

คำถามสำคัญที่คุณควรถามตัวเองคือ “ฉันจะสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและแตกต่างจากเว็บไซต์อื่นๆ อย่างไร?” การตอบคำถามนี้จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพและมีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหา

4

ปัญหาทางเทคนิคที่ซ่อนอยู่: เมื่อไรที่ Google ไม่ชอบเว็บไซต์ของคุณ?

นอกจากปัญหาเรื่องเนื้อหาแล้ว ปัญหาทางเทคนิคก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับหน้าแรก Google โดยปัญหาทางเทคนิคที่พบบ่อยมีดังนี้

เว็บไซต์ไม่ปลอดภัย (HTTP แทนที่จะเป็น HTTPS)

ตั้งแต่ปี 2014 Google ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า HTTPS เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่ใช้โปรโตคอล HTTPS จะได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าและมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเว็บไซต์ที่ใช้ HTTP เนื่องจาก HTTPS ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างเว็บไซต์และผู้ใช้

หากเว็บไซต์ของคุณยังใช้ HTTP ควรพิจารณาเปลี่ยนเป็น HTTPS โดยการติดตั้งใบรับรองความปลอดภัย SSL (SSL Certificate) ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายและบางกรณีอาจไม่มีค่าใช้จ่าย

เว็บไซต์โหลดช้า

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออันดับในผลการค้นหา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันคาดหวังว่าเว็บไซต์จะโหลดอย่างรวดเร็ว หากเว็บไซต์ของคุณใช้เวลานานในการโหลด ผู้ใช้อาจเลือกที่จะออกจากเว็บไซต์และไปยังเว็บไซต์อื่นแทน ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออันดับของเว็บไซต์คุณ

สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าอาจมาจากรูปภาพขนาดใหญ่ โค้ดที่ไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสม หรือการใช้ปลั๊กอินมากเกินไป คุณสามารถตรวจสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ของคุณและรับคำแนะนำในการปรับปรุงได้ที่ PageSpeed Insights ของ Google

เว็บไซต์ไม่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มีจำนวนมากกว่าการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ดังนั้น Google จึงให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Responsive) เป็นอย่างมาก โดยนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 Google ได้ใช้การเก็บข้อมูลสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นลำดับแรก (Mobile-First Indexing)

หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ควรพิจารณาปรับปรุงให้เป็นแบบ Responsive Design ที่สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนทุกขนาดหน้าจอ คุณสามารถตรวจสอบความเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของเว็บไซต์ได้ใน Google Search Console

หน้าเว็บไซต์ไม่ถูกต้องตามนโยบายของ Google

Google มีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายของ Google อาจส่งผลให้เว็บไซต์มีอันดับต่ำหรือไม่ปรากฏในผลการค้นหาเลย

เนื้อหาที่อาจละเมิดนโยบายของ Google ได้แก่ เนื้อหาที่แสดงความเกลียดชัง ความไม่เท่าเทียมทางสังคม การใช้คำหยาบคาย เนื้อหาที่ขัดแย้งกับแนวทางปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ที่มีหลักฐานอ้างอิง หรือเนื้อหาที่โปรโมทสินค้าหรือบริการที่มีการควบคุม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด หรือการพนัน

5

ทำไม UX จึงสำคัญ? เมื่อประสบการณ์ผู้ใช้มีผลต่ออันดับเว็บไซต์

ประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience หรือ UX) เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

การออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย

เว็บไซต์ที่มีการออกแบบที่ดีจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บ เช่น เมนู ปุ่มกด และเนื้อหา ควรมีความเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย

นอกจากนี้ การใช้สีและฟอนต์ที่อ่านง่ายก็มีส่วนช่วยในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีฉูดฉาดหรือฟอนต์ที่อ่านยาก ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายตาและเลือกที่จะออกจากเว็บไซต์

การโต้ตอบกับผู้ใช้ (User Interaction)

เว็บไซต์ที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ที่ดีจะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ผู้ใช้อยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับ Google การใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การแสดงผลแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Content) หรือการใช้แชทบอท (Chatbot) เพื่อให้บริการลูกค้า สามารถช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ได้

การลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate)

อัตราการตีกลับคือเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่ออกจากเว็บไซต์หลังจากดูเพียงหน้าเดียว อัตราการตีกลับที่สูงอาจเป็นสัญญาณว่าผู้ใช้ไม่พบสิ่งที่ต้องการหรือไม่พอใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ

การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ รวมถึงการออกแบบเว็บไซต์ที่ดึงดูดความสนใจ จะช่วยลดอัตราการตีกลับและเพิ่มระยะเวลาที่ผู้ใช้อยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออันดับในผลการค้นหา

6

การเชื่อมโยงเว็บไซต์: ทำอย่างไรให้ Google และผู้ใช้เดินทางในเว็บของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Internal Linking) และการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์ภายนอก (External Linking) มีความสำคัญอย่างมากต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา

Internal Linking ที่มีประสิทธิภาพ

Internal Linking หรือการเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์เดียวกัน ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์และความสัมพันธ์ระหว่างหน้าต่างๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำทางไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก

การสร้าง Internal Linking ที่ดีควรใช้ข้อความลิงก์ (Anchor Text) ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหน้าปลายทาง และควรมีการเชื่อมโยงที่เป็นธรรมชาติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยเน้นการเชื่อมโยงไปยังหน้าที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

การสร้าง Backlinks คุณภาพ

Backlinks หรือการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการประเมินความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่มี Backlinks จำนวนมากจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง จะได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่าและมีโอกาสติดอันดับสูงกว่า

การสร้าง Backlinks คุณภาพสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าแชร์ การร่วมมือกับเว็บไซต์อื่นในการแลกเปลี่ยนเนื้อหา หรือการเป็นแขกรับเชิญในบล็อกของเว็บไซต์อื่น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการซื้อ Backlinks หรือการใช้เทคนิคที่ผิดจรรยาบรรณในการสร้าง Backlinks ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออันดับของเว็บไซต์ในระยะยาว

การอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ

Google ให้ความสำคัญกับความสดใหม่ของเนื้อหา (Freshness) เว็บไซต์ที่มีการอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอจะได้รับความสนใจจาก Google มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลานาน

การอัปเดตเนื้อหาไม่จำเป็นต้องเป็นการสร้างเนื้อหาใหม่ทั้งหมด แต่อาจเป็นการปรับปรุงเนื้อหาเดิมให้ทันสมัย เพิ่มเติมข้อมูลใหม่ หรือแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง การอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่จะช่วยปรับปรุงอันดับในผลการค้นหา แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยอีกด้วย

7

กลยุทธ์ SEO ที่มักถูกมองข้าม: ทำไมการเลือกคีย์เวิร์ดจึงสำคัญกว่าที่คิด?

การทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม หลายคนมักเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงโดยไม่คำนึงถึงการแข่งขัน ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถติดอันดับได้

การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม

การเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีควรพิจารณาทั้งปริมาณการค้นหา (Search Volume) และความยากในการแข่งขัน (Keyword Difficulty) โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ใหม่หรือเว็บไซต์ที่มีอำนาจโดเมน (Domain Authority) ไม่สูงมาก ควรเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำถึงปานกลาง แม้ว่าจะมีปริมาณการค้นหาไม่มากนัก

นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้คีย์เวิร์ดแบบ Long-tail หรือคีย์เวิร์ดที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น แทนที่จะใช้คีย์เวิร์ด “รองเท้า” ซึ่งมีการแข่งขันสูง อาจเลือกใช้ “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเท้าแบน” ซึ่งมีการแข่งขันต่ำกว่าและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากกว่า

การใช้คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสมในเนื้อหา

การใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาควรเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการยัดเยียดคีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing) ซึ่ง Google อาจมองว่าเป็นการสแปมและส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์ตกลง

ตำแหน่งที่สำคัญสำหรับการใส่คีย์เวิร์ด ได้แก่:

  1. ชื่อหัวข้อ (Title)
  2. URL
  3. หัวข้อย่อย (Headings)
  4. ย่อหน้าแรกของเนื้อหา
  5. คำอธิบายรูปภาพ (Alt Text)
  6. Meta Description

การทำ On-page SEO อย่างครบถ้วน

On-page SEO หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ภายในเพื่อให้เป็นมิตรกับ Search Engine เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ การทำ On-page SEO ที่ดีควรครอบคลุมประเด็นต่างๆ ดังนี้:

  1. การตั้งชื่อไฟล์และ URL ที่เป็นมิตรกับ SEO โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  2. การใช้ Title Tag และ Meta Description ที่ดึงดูดความสนใจและมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  3. การจัดโครงสร้างเนื้อหาด้วย Heading Tags (H1, H2, H3, etc.) อย่างเหมาะสม
  4. การใช้ Internal Linking ที่มีประสิทธิภาพ
  5. การปรับแต่งรูปภาพด้วย Alt Text ที่เหมาะสม
  6. การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของผู้ใช้

การใช้ Local SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น

สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือให้บริการในพื้นที่เฉพาะ การทำ Local SEO มีความสำคัญอย่างมาก การสร้างและจัดการบัญชี Google My Business ให้ครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏในผลการค้นหาแบบท้องถิ่นและใน Google Maps

นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้ลูกค้ารีวิวธุรกิจของคุณบน Google เนื่องจากรีวิวเชิงบวกจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและส่งผลดีต่ออันดับในผลการค้นหาแบบท้องถิ่น

สรุป: การติดอันดับหน้าแรก Google ต้องใช้ความพยายามและความอดทน

การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรก Google ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างต่อเนื่อง การเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์ และการนำความรู้นั้นไปปรับใช้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับสูงในผลการค้นหาได้

สิ่งสำคัญคือการมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine ทั้งในด้านเทคนิคและด้านเนื้อหา

การติดอันดับหน้าแรก Google ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะอัลกอริทึมของ Google มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และพฤติกรรมของผู้ใช้ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ดังนั้น การติดตามการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาและปรับปรุงอันดับของเว็บไซต์ในระยะยาว

#SEO #GoogleRanking #เว็บไซต์ #การตลาดออนไลน์ #SearchEngine #เทคนิคSEO #อันดับGoogle #ติดหน้าแรก #ทำเว็บไซต์ #ธุรกิจออนไลน์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า