ติดต่อเรา

บริษัท นิวโฟลเดอร์888 จำกัด 159/229 หมู่ 6 หมู่บ้านสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ตำบล ลำโพ อำเภอ บางบัวทอง จังหวัด นนทบุรี 11110

090-916-9993 hello@newfolder.co.th
ติดตามเรา
17

ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วย Core Web Vitals: กุญแจสำคัญสู่การติดอันดับบน Google

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันในโลกออนไลน์ทวีความเข้มข้น การทำให้เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าแรกของ Google ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เพียงแค่การทำ SEO ด้วยการใส่คีย์เวิร์ดอย่างเดียวไม่เพียงพออีกแล้ว เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับ “Core Web Vitals” มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดประสบการณ์ผู้ใช้งาน (User Experience หรือ UX) บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Core Web Vitals ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และวิธีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีคะแนน Core Web Vitals ที่ดีเพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับที่ดีบน Google

2

Core Web Vitals คืออะไรและทำไมถึงสำคัญ

Core Web Vitals คือชุดตัวชี้วัดที่ Google พัฒนาขึ้นเพื่อประเมินประสบการณ์ผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ (User Experience หรือ UX) โดยมุ่งเน้นที่ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการตอบสนองของเว็บไซต์ ในปัจจุบัน Google ใช้เกณฑ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา โดยเว็บไซต์ที่มี Core Web Vitals ที่ดีจะมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเว็บไซต์ที่มีค่า Core Web Vitals ต่ำ

Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้มากขึ้นในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าเว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้จะทำให้ผู้ใช้พึงพอใจและเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ Google ที่ต้องการนำเสนอผลการค้นหาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้

Core Web Vitals ประกอบด้วยตัวชี้วัดหลัก 3 ประการ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะวัดประสบการณ์ผู้ใช้ในมิติที่แตกต่างกัน และมีเกณฑ์การวัดที่ชัดเจน เพื่อให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ได้ตามมาตรฐานที่ Google กำหนด

3

องค์ประกอบหลักของ Core Web Vitals

Largest Contentful Paint (LCP) – ความเร็วในการโหลดเนื้อหา

LCP คือการวัดระยะเวลาที่ใช้ในการแสดงเนื้อหาหลักของหน้าเว็บ เช่น ข้อความสำคัญ รูปภาพ หรือวิดีโอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในหน้าเว็บ เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์ในมุมมองของผู้ใช้งาน

ค่า LCP ที่ดีควรอยู่ที่ไม่เกิน 2.5 วินาที หากเว็บไซต์มีค่า LCP สูงกว่านี้ แสดงว่าหน้าเว็บโหลดช้าเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกหงุดหงิดและอาจออกจากเว็บไซต์ก่อนที่จะได้เห็นเนื้อหาทั้งหมด อันจะส่งผลเสียต่ออัตราการออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate) และโอกาสในการแปลงผล (Conversion)

Cumulative Layout Shift (CLS) – ความเสถียรของการแสดงผล

CLS วัดความเสถียรของการแสดงผลหน้าเว็บ โดยดูว่าองค์ประกอบบนหน้าเว็บมีการเลื่อนหรือขยับตำแหน่งมากน้อยเพียงใดในระหว่างการโหลด เช่น เมื่อคุณกำลังอ่านบทความแล้วเนื้อหาเลื่อนลงเพราะมีโฆษณาโหลดขึ้นมา หรือกำลังจะคลิกปุ่มแต่ปุ่มเลื่อนไปเพราะมีรูปภาพโหลดขึ้นมา นั่นคือตัวอย่างของ CLS ที่ไม่ดี

ค่า CLS ที่ดีควรต่ำกว่า 0.1 เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่รู้สึกสับสนหรือหงุดหงิดกับการเปลี่ยนแปลงของหน้าเว็บ หน้าเว็บที่มี CLS สูงมักจะสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ เนื่องจากทำให้ผู้ใช้คลิกผิดหรือหลงทิศทางในการใช้งาน

First Input Delay (FID) – การตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้

FID เป็นการวัดระยะเวลาที่เว็บไซต์ใช้ในการตอบสนองต่อการกระทำครั้งแรกของผู้ใช้ เช่น การคลิกปุ่ม การกดลิงก์ หรือการกรอกข้อมูลในฟอร์ม เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงความรวดเร็วในการตอบสนองและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ของเว็บไซต์

ค่า FID ที่ดีควรต่ำกว่า 100 มิลลิวินาที เว็บไซต์ที่มีการตอบสนองรวดเร็วจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเว็บไซต์มีประสิทธิภาพและน่าใช้งาน ในทางกลับกัน หากเว็บไซต์ตอบสนองช้า ผู้ใช้จะรู้สึกหงุดหงิดและอาจเลิกใช้งานเว็บไซต์ในที่สุด

4

ความสำคัญของ Core Web Vitals ต่อการจัดอันดับ SEO

Core Web Vitals ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่มีผลโดยตรงต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับบน Google เว็บไซต์ที่มี Core Web Vitals ที่ดีจะได้รับประโยชน์หลายประการ:

  1. เพิ่มโอกาสในการติดอันดับสูงบน Google: Google ใช้ Core Web Vitals เป็นหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่มีค่า Core Web Vitals ที่ดีจะได้รับการพิจารณาให้อยู่ในอันดับที่สูงกว่าเว็บไซต์ที่มีค่าเหล่านี้ไม่ดี
  2. ลดอัตราการออกจากเว็บไซต์ (Bounce Rate): เมื่อเว็บไซต์โหลดเร็วและมีความเสถียร ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น อ่านเนื้อหามากขึ้น และมีโอกาสน้อยที่จะออกจากเว็บไซต์ทันทีที่เข้ามา
  3. เพิ่มอัตราการแปลงผล (Conversion Rate): เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีจะทำให้ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะทำการซื้อสินค้าหรือใช้บริการมากขึ้น เพราะพวกเขารู้สึกประทับใจและไว้วางใจในเว็บไซต์
  4. สร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว มีความเสถียร และตอบสนองรวดเร็วจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานและทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้อยากกลับมาใช้งานเว็บไซต์อีกในอนาคต
5

เครื่องมือตรวจสอบและวัดผล Core Web Vitals

การตรวจสอบและวัดผล Core Web Vitals เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ มีเครื่องมือหลายตัวที่สามารถใช้ตรวจสอบ Core Web Vitals ได้:

Google Search Console

Google Search Console เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ให้คุณดูรายงาน Core Web Vitals ของเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด โดยแสดงปัญหาแยกตามหน้าเว็บและอุปกรณ์ (เดสก์ท็อปหรือมือถือ) ซึ่งจะช่วยให้คุณมีภาพรวมของประสิทธิภาพเว็บไซต์และระบุหน้าที่มีปัญหาได้

การใช้งาน Google Search Console เพื่อตรวจสอบ Core Web Vitals ทำได้โดย:

  1. ลงชื่อเข้าใช้ Google Search Console
  2. ไปที่เมนู Core Web Vitals หรือไปที่หัวข้อ Experience
  3. ดูรายงานภาพรวมและคลิกที่หน้าที่มีปัญหาเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

จุดเด่นของ Google Search Console คือสามารถตรวจสอบปัญหาได้ในระดับเว็บไซต์ทั้งหมด และมีรายงานแสดงผลที่เข้าใจง่าย พร้อมลิงก์ไปยัง Google PageSpeed Insights

Google PageSpeed Insights

PageSpeed Insights เป็นเครื่องมือที่วิเคราะห์ประสิทธิภาพของหน้าเว็บและให้คำแนะนำในการปรับปรุง โดยแสดงคะแนน Core Web Vitals ทั้ง LCP, CLS และ FID พร้อมทั้งระบุปัญหาและแนะนำวิธีแก้ไขอย่างละเอียด

การใช้งาน PageSpeed Insights ทำได้โดย:

  1. ไปที่เว็บไซต์ Google PageSpeed Insights
  2. กรอก URL ของหน้าเว็บที่ต้องการตรวจสอบ
  3. รอการวิเคราะห์และดูรายงานคะแนนพร้อมคำแนะนำ

จุดเด่นของ PageSpeed Insights คือรายงานแยกคะแนนระหว่าง Mobile และ Desktop ให้คำแนะนำที่สามารถนำไปปรับปรุงได้จริง เช่น การลดขนาดไฟล์ภาพ หรือการลบสคริปต์ที่ไม่จำเป็น และใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก

6

เทคนิคการปรับปรุง Core Web Vitals ให้ดีขึ้น

การปรับปรุง Core Web Vitals จำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาแยกตามตัวชี้วัดแต่ละตัว ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุง Core Web Vitals:

วิธีปรับปรุง LCP (Largest Contentful Paint)

  1. บีบอัดและปรับขนาดรูปภาพ: ใช้เครื่องมือบีบอัดไฟล์ภาพ เช่น TinyPNG หรือแปลงภาพเป็นรูปแบบ .webp ซึ่งมีขนาดเล็กแต่คุณภาพดี การลดขนาดไฟล์รูปภาพจะช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นอย่างมาก
  2. ใช้บริการ CDN (Content Delivery Network): CDN จะช่วยกระจายเนื้อหาของเว็บไซต์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้เร็วขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
  3. ลดจำนวนปลั๊กอินหรือสคริปต์ที่ไม่จำเป็น: ปลั๊กอินและสคริปต์ที่มากเกินไปจะทำให้เว็บไซต์โหลดช้า โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย CMS อย่าง WordPress การลดจำนวนปลั๊กอินจะช่วยลดการประมวลผลและเพิ่มความเร็วได้อย่างมีนัยสำคัญ
  4. ใช้โฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพ: เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีเซิร์ฟเวอร์เร็วและรองรับการใช้งานเว็บไซต์ที่มีปริมาณผู้เข้าชมสูง เพื่อให้เว็บไซต์โหลดได้อย่างรวดเร็ว

วิธีปรับปรุง CLS (Cumulative Layout Shift)

  1. กำหนดขนาดของรูปภาพและวิดีโอให้ชัดเจน: ระบุความกว้างและความสูงของรูปภาพและวิดีโอในโค้ด HTML เพื่อป้องกันการเลื่อนของหน้าเว็บขณะโหลด เช่น “
  2. ระบุพื้นที่สำหรับโฆษณาและแบนเนอร์: กำหนดพื้นที่ที่แน่นอนสำหรับโฆษณาและแบนเนอร์เพื่อป้องกันการเลื่อนของเนื้อหาเมื่อองค์ประกอบเหล่านี้โหลด ควรมีการจองพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย CSS
  3. จัดการแบบอักษรที่กำหนดเอง (Custom Fonts): ใช้ CSS ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกระพริบหรือเปลี่ยนแปลงของข้อความเมื่อแบบอักษรโหลดเสร็จ เช่น การใช้ font-display: swap หรือการโหลดแบบอักษรไว้ล่วงหน้า

วิธีปรับปรุง FID (First Input Delay)

  1. ลด JavaScript ที่ไม่จำเป็น: JavaScript ที่มากเกินไปจะทำให้เบราวเซอร์ทำงานหนักและตอบสนองช้า ควรตรวจสอบและลบ JavaScript ที่ไม่จำเป็นออกไป
  2. แยกโค้ด JavaScript ออกเป็นส่วนย่อย (Code Splitting): แทนที่จะโหลด JavaScript ทั้งหมดในครั้งเดียว ให้แบ่งออกเป็นส่วนย่อยและโหลดเฉพาะส่วนที่จำเป็นก่อน แล้วค่อยโหลดส่วนอื่นๆ ทีหลัง
  3. ใช้ Web Workers: Web Workers ช่วยให้สามารถรันโค้ด JavaScript ในเธรดแยกต่างหาก ไม่รบกวนเธรดหลักของหน้าเว็บ ทำให้หน้าเว็บยังคงตอบสนองได้ดีแม้มีการประมวลผลที่ซับซ้อน
  4. เลือกใช้ Third-party Scripts อย่างระมัดระวัง: สคริปต์จากภายนอก เช่น Live Chat หรือโฆษณา อาจทำให้หน้าเว็บโหลดช้าขึ้นและกระทบต่อ FID ควรเลือกใช้เฉพาะที่จำเป็นและโหลดแบบ Asynchronous
7

ผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุง Core Web Vitals

การปรับปรุง Core Web Vitals ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มอันดับบน Google เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจในหลายด้าน:

  1. ลด Bounce Rate: ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น เพราะหน้าเว็บโหลดเร็วและใช้งานง่าย ไม่สร้างความหงุดหงิดหรือสับสน
  2. เพิ่ม Conversion Rate: ผู้ใช้งานรู้สึกประทับใจและไว้วางใจเว็บไซต์ ทำให้เกิดการซื้อสินค้าหรือใช้บริการมากขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายและรายได้
  3. สร้างความประทับใจให้ผู้เยี่ยมชม: ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ที่ดีทำให้ผู้ใช้งานอยากกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีก เพิ่มอัตราการกลับมาใช้งานซ้ำและความภักดีต่อแบรนด์
  4. เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน: เว็บไซต์ที่มี Core Web Vitals ที่ดีจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มี Core Web Vitals ไม่ดี โดยเฉพาะในด้านการจัดอันดับบน Google

สรุป

Core Web Vitals เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์บน Google ในยุคปัจจุบัน เว็บไซต์ที่ให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีโดยมีค่า LCP, CLS และ FID ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีจะมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเว็บไซต์ที่มีค่าเหล่านี้ไม่ดี

การปรับปรุง Core Web Vitals เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการตรวจสอบค่าปัจจุบันของเว็บไซต์ ระบุปัญหา และดำเนินการแก้ไขตามคำแนะนำ เพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถแข่งขันในโลกดิจิทัลได้

สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ ผู้พัฒนาเว็บ หรือนักการตลาดดิจิทัล การให้ความสำคัญกับ Core Web Vitals ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นการลงทุนในประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จของเว็บไซต์และธุรกิจในระยะยาว จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามหากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google และเติบโตอย่างยั่งยืน

#CoreWebVitals #SEO #GoogleRanking #UserExperience #LCP #CLS #FID #WebPerformance #PageSpeed #GoogleSearch

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และโฆษณา

    ยินยอนให้มีการเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์

บันทึกการตั้งค่า